2013/06/08

Avoid the long queue by making your own "Salted custard-lava pau"

 
กลางเดือนที่แล้วนั่งเลียหน้าวอลล์เฟซบุ๊กของเพื่อนคนนึงจนเยิ้มแฉะ โทษฐานที่บังอาจโพสต์รูปซาลาเปาใส้ไหลยั่วน้ำลายดีนัก จำได้ว่าเมื่อปลายปีที่แล้วได้มีโอกาสไปลิ้มลองน้องเปาขาว อวบ เยิ้มไหลย้อยนี้ที่สิงคโปร์ตามแรงยั่วยุของเจ้าของบล็อคชาวสิงคโปร์คนนี้เลย Ladyironchef จัดใหญ่ให้หนักซัดไปคนเดียวทั้งเข่ง กลับมาจากเที่ยวครานั้นเล่นเอากลับมาฝันแบบหิวๆ ต่อไปอีกครึ่งค่อนเดือน จนพายุความอยากกินสงบลงทำให้ความระลึกถึงพลอยจางหายไปด้วย ดังนั้นเมื่อหน้าวอลล์ของเพื่อนเล่นปรากฏรูปโชว์หราท่าแหวกใส้จนเยิ้มและย้อยกระแทกเข้าเบ้าตาซ้าย จึงทำให้ต่อมความงุ่นง่านทะยานอยากพุ่งขึ้นสูงปรี๊ดอีกครั้ง รีบลนลานกระดิกนิ้วเข้าไปคอมเมนท์ในทันทีว่าไอ้แบบนี้อ่ะหากินได้ที่ไหน เพื่อนก็ไม่ใจร้ายรีบให้แหล่งที่มาเร็วทันใจ แต่กระซิบตบท้ายว่า รอคิวนานนะกว่าจะได้กินก็สิ้นปีพอดี ไม่เชื๊อ ไม่เชื่อ อะไรจะขนาดนั้น คว้าโทรศัพท์คู่ใจต่อสายตรงไปห้องอาหาร เลยได้คำตอบจากพนักงานบริการว่า แค่คิวแรกที่ว่างคือต้นเดือนตุลาเองค่ะ เอิ่มมมมม เร็วมากเลยค่ะคุณน้อง พี่รอไม่ไหวแล้ววววว
 
 
เมื่อกิเลสมันเผาใจทำให้ไม่สงบ ทำให้ต้องเสาะแสวงหาแหล่งใหม่ ให้มันรู้ไปในเมืองไทยมีให้กินอยู่ที่เดียว และแล้วก็เหมือนกับสวรรค์เป็นใจ แต่นรกก็ยังเปิดประตูอ้าค้างรออยู่ มันยังมีที่ให้กินที่อื่นอีกจริงๆ ด้วย แต่ว่าที่นั่นมันอยู่ถึงแถวศรีนครินทร์ครับท่าน เรื่องคิวยังไม่รู้แต่ที่รู้คือ บ้านอยู่นครปฐมหากอยากจะไปกินคงต้องเปิดโรงแรมแถวบางนาไว้รองรับแน่ๆ เพราะไกลเกิ๊น เป็นอันว่าแห้วรับประทานอีกครั้ง
เจ็บใจและก็ถอดใจละกับการที่จะไปรอต่อคิว แต่พลังความอยากมันยังไม่หมด เวิ่นเว้องุงิอยู่ครึ่งคืน ตัดสินใจทำกินเองก็ได้ไม่ง้อหรอก ชิ! เข้าไปควานหาสูตรเจ๋งๆ ในโลกออนไลน์ มีคนทำไว้อยู่หลายสูตร มีทั้งไทยและเทศ เลยเลือกหยิบมา 2 สูตร คือของคุณเช้า Chibiasa และของเจ้านี้ Foodmama 
 
 
ลองทำตามสูตรของคุณเช้าก่อน ปรากฏว่าพอบรรจุใส้ซาลาเปาที่ฟรีซลงไปในแป้งซาลาเปาที่พักจนขึ้นแล้วรอบนึง แล้วนำไปพักต่ออีกครึ่งชั่วโมงแล้วแป้งมันไม่ยอมขึ้น พอนำไปนึ่งแล้วส่วนของแป้งมันก็แข็งแล้วก็ด้าน เลยไม่รู้ว่าไปพลาดที่ตรงไหน ตัดสินใจเขียนไปสอบถามเจ้าของสูตรดู เธอก็ใจดีและน่ารัก ให้คำปรึกษามาว่าส่วนของใส้มันเย็นจัดไปทำให้ยีสต์ไม่ทำงาน ตั้งแต่ได้รับคำปรึกษามายังไม่มีโอกาสกลับไปทำสูตรของเธอซ้ำ บังเอิญปิ๊งกับความคิดมั่วๆ ส่วนตัวซะก่อนว่าถ้าจะทำใส้ที่ไม่ต้องแช่เย็นได้ แต่อยู่ตัวเป็นก้อนพอจะวางบนแป้งซาลาเปาได้ แต่เมื่อนำไปนึ่งแล้วมันก็ละลายเยิ้มก็คงดี ไม่อยากให้เป็นแค่การคาดการณ์ว่าจะทำได้ เลยจัดการลองทำซะให้เห็นผลแจ้ง ผลที่ได้ก็เป็นฉะนี้แล
สำหรับแป้งซาลาเปานั้นคราวนี้ขออนุญาตยืมจากคุณอิน อ้อมกอดแห่งความเหงาค่ะ
 
 
 
แป้งซาลาเปา
สูตรและวิธีทำ ตามนี้เลยค่ะ 1 สูตร
 
 
 
ใส้คัสตาร์ดไข่เค็ม
ไข่แดงของไข่เค็มนึ่งสุก               10 ฟอง
ไข่แดงดิบของไข่ไก่                       2 ฟอง
น้ำตาลทราย                                 80 กรัม
หัวนมผง                                      100 กรัม
นมข้นหวาน                                   50 กรัม
นมข้นจืด                                       50 กรัม
เนยจืดนิ่มแต่ยังไม่ละลาย            225 กรัม
 
วิธีทำ
เริ่มจากยีไข่แดงไข่เค็มให้ละเอียด พักไว้ จากนั้นนำเนยจืดนิ่ม และน้ำตาลทรายใส่ลงในชามผสม ใช้เครื่องตีแบบมือถือตีให้พอเข้ากัน ตามด้วยเติมไข่แดงไข่ไก่ดิบทีละฟอง ตีให้เข้ากัน ตามด้วย ห้วนมผง นมข้นหวาน นมข้นจืด และไข่แดงไข่เค็มที่พักไว้ ตีให้เข้ากันอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ นำใส้ที่ได้แช่ในตู้เย็นช่องธรรมดารอแป้งซาลาเปาที่พักไว้ให้ขึ้นเต็มที่ก่อน
 
 
 
 
ซาลาเปาใส้ครีมไข่เค็มลาวา
แป้งซาลาเปาที่พักจนขึ้นแล้วหนึ่งรอบ  1 สูตร
ใส้คัสตาร์ดไข่เค็ม
 
วิธีทำ
นำแป้งซาลาเปาที่พักจนขึ้นแล้วรอบนึง มานวดไล่อากาศออก คลึงแป้งออกเป็นท่อนทรงกระบอก ตัดแบ่งแป้งออกเป็นก้อนเล็กๆ โดยแต่ละก้อนให้มีน้ำหนักประมาณ 40 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมๆ เรียงรอไว้ จะได้แป้งก้อนเล็ก ประมาณ 23 ก้อน
จากนั้นใช้ไม้นวดขนมปังรีดก้อนแป้งก้อนเล็กที่พักไว้ให้แผ่ออกเป็นแผ่นแบนๆ โดยพยายามให้ส่วนขอบบางกว่าส่วนกลาง ซาลาเปาที่ได้จะได้มีแป้งที่ตูดไม่หนาเกินไป ปกติพอได้แผ่นแป้งออกมานักซาลาเปามืออาชีพจะไม่อาศัยอุปกรณ์ช่วยใดๆ นึกจากสมองและสองมือเปล่า เค้าจะตักใส้วางแล้วใช้ฝ่ามือและนิ้วมือในการห่อ แต่เนื่องด้วยความสามารถของมือใหม่นั้นมีจำกัด จึงจำเป็นต้องมีตัวช่วยนั่นก็คือถ้วยน้ำชาไหว้เจ้า เอาไว้สำหรับกรุแผ่นแป้งลงไปแล้วค่อยบรรจุใส้ จากนั้นจึงทำการจับจีบปิด แล้วคว่ำก้อนซาลาเปาที่บรรจุใส้พร้อมกับจับจีบปิดตูดแล้วลงบนพิมพ์คัพเค้กกระดาษ
 

วางพักซาลาเปาพร้อมพิมพ์กระดาษลงไปในถาดหลุมสำหรับอบคัพเค้กหรือมัฟฟิน (ใครไม่มีถาดหลุมก็วางไว้ในพิมพ์ถ้วยอลูมิเนียมสำรับอบคัพเค้กหรือมัฟฟินก็ได้ ไม่ผิดแต่อย่างใดค่า) นำไปพักไว้ในที่มืดประมาณ 30 นาที จนแป้งซาลาเปาขึ้นอีกรอบ จากนั้นจึงนำขึ้นนึ่งในรังถึงที่น้ำเดือดแล้ว (ผสมน้ำส้มสายชูประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำที่จะใช้นึ่งด้วยเพื่อหน้าซาลาเปาจะได้เงาใสปิ๊ง)  นึ่งทั้งถาดหลุม (ถ้าใครมีรังถึงที่ใหญ่มาก) หรือ นึ่งทั้งพิมพ์ถ้วยอลูมิเนียมเลย เพื่อรูปทรงของซาลาเปาที่สวยงาม ไม่ย้วยห้อย ใช้ไฟอ่อนถึงกลาง ไม่ใช้ไฟแรงเพราะใส้คัสตาร์ดจะแข็งแทนที่จะเยิ้ม (อันนี้ประสปการณ์ตรง นึ่งรอบแรกกลายเป็นใส้ครีมธรรมดาแต่มีรสไข่เค็ม แอบเซ็ง แต่ยังไม่ท้อ รอบสองเลยลดจากไฟแรงมากเป็นไฟอ่อนถึงกลาง ผลที่ได้ไม่ผิดหวัง อิอิอิ) ใช้เวลาในการนึ่งแต่ละรอบประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วยกลง เสริฟร้อน ง้างส้อมรอจิ้มได้เลยค่า
 
 
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
 
 

2013/04/13

Crispy spiral curry puff, yummy and easier than you think

 
 
กลับมาอีกแล้ว ไม่อยากทิ้งการเขียนบล็อคเอาไว้นานเกิน เดี๋ยวไฟมอดแล้วจะพาลขยาดหายหน้าหายตาไปอีกรอบ อัพบล็อคคราวนี้เน้นน้อยแต่แน่นปึ้ก เพราะมือมันฝืดเขียนไม่ค่อยจะลื่นไถล เอาไว้ปรับตัวได้ซะก่อน จะร่ายยาวเป็นปาฐกถาเต็มหน้าแน่นอน
อุ่นเครื่องแบบเบาๆ ด้วยของที่หากินทั่วไปได้ง่ายอย่าง กะหรี่ปั๊บ ที่ขั้นตอนการทำจุกจิกนิดหน่อยแบบไม่น่าเกลียดนัก ทั้งๆ ที่หาซื้อได้ไม่ลำบากแต่ยังอยากหน้าตั้งตาลงมือทำกินเองก็เพราะว่าที่ขายกันไม่มีใส้อย่างที่ชอบ แถมแป้งเยอะใส้น้อย เหม็นหืนน้ำมันอีกต่างหาก เมื่อลิ้นสูงและเรื่องมากก็จำใจต้องออกแรงเองโดยปริยาย
 
 
 
 
ส่วนของใส้ที่ทำคราวนี้เป็นใส้รวมสารพัดมิตรที่มีติดตู้เย็นอยู่ที่บ้าน เริ่มตั้งแต่เศษเบคอนที่เหลือติดถุง แปะก๊วย และเผือกนึ่งที่เหลือจากไหว้เชงเม้ง ลูกเกดอีกนิดหน่อย ผัดแบบแห้งๆ ปรุงรสแจ่มๆ แค่นี้ก็กินขาดแล้ว
 
 
เสน่ห์ของขนมชนิดนี้อยู่ที่ชั้นของแป้งที่มีความกรอบหอมเนย ใส้อร่อยๆ ยิ่งถ้าได้กินตอนร้อนๆ ทอดเสร็จใหม่ๆ อย่าบอกใครเชียว ตัวแป้งด้านนอกมันทั้งกรอบ ทั้งหอม เคี้ยวเสร็จแทบละลายหายไปในปาก แถมใส้ก็เยิ้มนุ่ม ไม่แข็งแห้งให้ระคายเหงือกสูงอายุของคนทำ ทำให้ตอนแรกที่คิดว่าจะแค่ชิมดูรสสักอัน เปลี่ยนเป็นนั่งกินทุกอันที่ทอดในกระทะแรกจนเกลี้ยง ทำเอาน้ำหนักพุ่งปรี๊ด กรรมจริงๆ ไม่น่าทำกินเองเลยซิ พับผ่า ใครไม่เชื่อว่าอร่อยเร่เข้ามาทำด้วยกัน มีแค่กระทะ กับน้ำมัน ทักษะไม่ต้อง เตาอบไม่ง้อ แล้วจะรออะไรอีก ใช่มั้ย
 
 
 
 
ใส้รวมมิตร
เบคอนหั่นเป็นชิ้นเล็ก
แปะก๊วย
เผือกนึ่งหั่นเต๋า
ลูกเกด
หอมหัวใหญ่สับละเอียด
รากผักชี กระเทียม พริกไททุบสับละเอียด
เกลือ
ซีอิ๊วขาว
น้ำมันหอย
น้ำตาลนิดหน่อย
น้ำสะอาดนิดหน่อย
น้ำมันพืชสำหรับผัด
 
วิธีทำ
นำกระทะใส่น้ำมันตั้งเตาไฟอ่อนจนน้ำมันร้อน ใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียม พริกไท ลงไป ผัดให้หอม ใส่เบคอนตามลงไป ผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่แปะก๊วย และลูกเกด ปรุงรสตามชอบ เติมน้ำสะอาดลงไป ปิดท้ายด้วยเผือกผัดให้เข้ากันรอจนน้ำที่เติมลงไปแห้ง ตักใส่ชามทิ้งไว้ให้เย็นสนิท
 
 
 
 
แป้งชั้นใน
แป้งอเนกประสงค์            150 กรัม
เนยสดจืดตัดเป็นชิ้น          90 กรัม
เกลือ                                1/3 ช้อนชา
 
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในชามผสม นวดให้เนียนเข้ากัน ปั้นเป็นก้อนใช้พลาสติกแรปห่อก้อนแป้งนำเข้าตู้เย็น ประมาณ 30 นาที
 
 
 
 
 
แป้งชั้นนอก
แป้งอเนกประสงค์           300 กรัม
ไข่ไก่                                  1 ฟอง
น้ำสะอาด                        120 มล.
เกลือ                               2/3 ช้อนชา
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในชามผสม นวดให้เนียนเข้ากัน ปั้นเป็นก้อนวางไว้ในชาม ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดคลุมปิดปากชามไว้ เพื่อไม่ให้ก้อนแป้งแห้ง
 
 
 
 
 
 
กะหรี่ปั๊บใส้รวมมิตร
แป้งชั้นนอก
แป้งชั้นใน
ใส้รวมมิตร
น้ำมันปาล์มสำหรับทอด
วิธีทำ
แผ่แป้งชั้นนอกออกเป็นแผ่นกลมๆ ให้มีขนาดพอจะห่อแป้งชั้นในได้จนมิด วางแป้งชั้นในลงไปตรงกลางแผ่นแป้งชั้นนอก ห่อปิดแป้งชั้นนอกให้มิด ใช้ไม้รีดแป้งรีดก้อนแป้งให้แผ่ออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
 
 
จากนั้นม้วนเก็บให้เป็นแท่งทรงกระบอก รีดแป้งแท่งทรงกระบอกออกเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นม้วนแผ่นแป้งกลับเป็นแท่งทรงกระบอก ใช้มีดตัดแบ่งแป้งเป็นก้อนๆ รูปทรงกระบอกตามแนวยาว
 
 
นำก้อนแป้งที่ได้มารีดแผ่ออกเป็นแผ่นกลมๆ ตักใส้ใส่ตรงกลางแผ่นแป้ง ทบแผ่นแป้งเป็นรูปครึ่งวงกลม ใช้นิ้วกดปิดขอบแป้งให้สนิท จับจีบตามขอบแป้งให้สวยงาม เรียงไว้บนจานรอทอด
 
 
ทอดกะหรี่ปั๊บโดยใช้น้ำมันปริมาณค่อนข้างมาก กะให้ท่วมตัวกะหรี่ปั๊บเวลาทอด ทอดด้วยไฟกลาง น้ำมันจะต้องร้อนก่อนที่จะหย่อนกะหรี่ปั๊บลงทอด ทอดจนกะหรี่ปั๊บเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นวางบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน ทานตอนยังอุ่นๆ จะดีที่สุด
 
 
 
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
 
 
 

2013/03/30

Chicken Farm Bakers' Project # 47 : Ginger-Black Sesame Ice Cream, An Asian Combination



เป็นที่ปลาบปลื้มยิ่งนักที่บล็อคนี้ก็รอดพ้นจากการถูกดองเป็นมัมมี่เสียที หลังจากเก็บตัวงดออกสื่อเป็นเวลานานด้วยความขี้กียจของเจ้าของบล็อค แต่ไม่ได้หมายความว่าตลอดเวลาเก็บตัว นักกีฬาจะไม่ได้ลงสนามซ้อมนะจะบอกให้ ยังคงฝึกปรือวิทยายุทธให้แก่กล้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ไม่มีอาการตกประหม่าเวลาเกิดมีการประลองแบบฉุกละหุกขึ้น (ช่างเป็นการออกตัวที่น่าฟัง น่ารัก และน่าเอ็นดู จริงๆ พับผ่าซิเนอะเคอะ) และแล้วเทวดาบนฟ้าก็เข้าข้าง ประทานการบ้านทดสอบความฟิตมาให้ สุดแสนจะไฉไลรับซัมเมอร์ที่ร้อนระอุ ที่อุณหภูมิภายใต้แสงแดดปะทุเกือบจะครึ่งร้อยอยู่ร่อมร่อ ไม่ต้องเสียเวลาทายก็จะบอก โจทย์การบ้านที่ว่าจะเป็นอย่างอื่นไปเสียมิได้ นอกจากอาหารทิพย์ดับร้อนยอดฮิต "ไอศครีม" นั่นเอง

2012/09/01

Creamcheese pound cake with homemade cardamom orange marmalade

 
อาทิตย์ก่อนลงมือกวนมาร์มาเลดส้มไปแอบใส่ลูกกระวานลงไปเพื่อทดสอบความเข้ากันได้ ผลปรากฏว่ากลิ่นส้มกลบกลิ่นของลูกกระวานหมด ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ไม่ได้ใส่ลูกกระวานเลย ทำเสร็จรอให้อุ่นนิดๆ ก็บรรจุใส่ขวดโหลตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะกินข้าว ไปๆ มาๆ กลับมาเช็คสต็อคอีกที พบว่าพร่องไปกว่าครึ่ง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่พากันเปิดไห (อุ๊ย ขวดโหล) คว้านเอาไปปาดหน้าขนมปังปิ้งกันเกือบทุกวันแบบไม่น่าเชื่อ เพราะรสชาดมันไม่ได้แค่หวานๆ เปรี้ยวๆ แต่มันขมด้วยนะซิ
 
 
เห็นจากอัตราการบริโภคแล้วคาดว่าหากยังยังวางทิ้งไว้ที่เดิมอยู่อย่างเก่า อจจะไม่มีโอกาสเอาเจ้าสิ่งนี้ไปแปรรูปเป็นอย่างอื่นได้ เลยจัดการใช้เวลาว่างวันหยุดอันน้อยนิด แต่ตารางแน่นเอี๊ยด แปลงร่างมันแบบง่ายๆ รีบๆ ซะหน่อย ลงตั๊วลงตัวที่ เค้กปอนด์ครีมชีสแบบหยอดหน้าด้วยมาร์มาเลดที่เข้ากั๊นเข้ากัน อร่อยทั้งแบบอบแล้วทานทันที หรือแช่เย็นทิ้งไว้ข้ามคืนให้เนื้อเค้กแน่นๆ แล้วค่อยทานก็ได้ อันนี้ก็ต้องแล้วแต่จริตของผู้บริโภค
 
 
 
 
มาร์มาเลดส้มกับลูกกระวาน
ส้มเนเวล         4 ลูก
น้ำสะอาด        4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย   3 ถ้วยตวง
ลูกกระวาน      2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว        4 ลูก
เกลือนิดหน่อย
วิธีทำ
ล้างส้มให้สะอาด ผ่าครึ่งแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ใส่ลงในหม้อเคลือบ เติมน้ำสะอาด น้ำตาล และเกลือลงไป นำไปต้มให้เดือดอย่างน้อย 10 นาที นำลงจากเตา ปิดฝาทิ้งไว้ข้ามคืน
วันต่อมา ใส่ลูกกระวาน และบีบน้ำมะนาว ลงในหม้อที่ต้มส้มเอาไว้ นำขึ้นเคี่ยวโดยใช้ไฟอ่อนจนส่วนผสมลดปริมาณลงครึ่งหนึ่ง ระหว่างที่เคี่ยวต้องคอยช้อนฟองออกทิ้ง ใช้เวลาเคี่ยวรวมแล้วประมาณ 2 1/2 ชั่วโมง พักไว้ให้พออุ่น นำใส่ลงในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท สามารถเก็บไว้ได้นานเป็นเดือนๆ  
 
 

เค้กปอนด์ครีมชีส
แป้งเค้ก                                 1 ถ้วยตวง
เนยจืด                               115 กรัม
ครีมชีส                                 75 กรัม
ไข่ไก่                                     2 ฟอง
น้ำตาลทราย                       3/4 ถ้วยตวง
เกลือ                                     1 ช้อนชา
เหล้าส้ม                                1 ช้อนโต๊ะ
มาร์มาเลดส้มกับลูกกระวาน  4 ช้อนโต๊ะ 
วิธีทำ
หั่นครีมชีสเป็นก้อนเล็กๆ พักไว้ให้นิ่มที่อุณหภูมิห้อง  เตรียมพิมพ์ที่จะใช้อบ โดยการทาเนยให้ทั่วพิมพ์ เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างทิ้งไว้ นำเนยจืดออกมาตัดเป็นก้อนเล็กๆ พักไว้แค่พอให้หายเย็นจัด ร่อนแป้งพักไว้ จากนั้นตอกไข่ไก่ใส่ในชามตีให้พอแตกเข้ากัน ใส่เหล้าส้มลงไปคนให้เข้ากันพักไว้
นำครีมชีสที่นิ่มแล้วใส่ลงไปในชามผสม หย่อนเกลือลงไป ใช้เครื่องตีแบบมือถือตีให้เนียน ทะยอยใส่เนยลงไปตีให้เนียนเข้ากัน ใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละนิด ตีต่อจนขึ้นฟู ค่อยๆ รินไข่ลงไปลงไปครั้งละ 1/4 ส่วน ตีให้ไข่เข้ากันกับส่วนผสมของเนยและชีสก่อนที่จะใส่ไข่ส่วนต่อไปจนหมดส่วนไข่
แบ่งแป้งครึ่งนึงใส่ลงไปในส่วนผสมของไข่ เนย และครีมชีส ค่อยๆ ตะล่อมให้เข้ากันก่อนใส่แป้งส่วนที่เหลือ ตะล่อมจนส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียว เทใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้กะให้ส่วนผสมแค่ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ กระแทกพิมพ์สัก 3-4 ครั้ง เพื่อเป็นการไล่อากาศออก หยอดหน้าด้วยมาร์มาเลดส้ม นำเข้าเตาอบประมาณ 25 นาที สำหรับพิมพ์ขนาดเล็กหลายพิมพ์  ส่วนพิมพ์ขนาดใหญ่ก็ประมาณ 45  นาที เมื่อเค้กสุกแล้ว นำออกมาพักไว้โดยทิ้งไว้ในพิมพ์จนเค้กอุ่นๆ จึงค่อยนำเค้กออกมา หากชอบเค้กนุ่ม ฟู แนะนำให้ตักทานเลย แต่ถ้าหากใครชอบแบบเนื้อแน่นให้รอให้ขนมเย็นสนิท แล้วค่อยนำใส่กล่องที่มีฝาปิดสนิทแช่ตู้เย็นข้ามคืน รับรองอร่อยแน่ค่า
 
 
 
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า



2012/08/25

To win your kids' heart; M&M brownie bar


เปิดบล็อคขึ้นมาลมแทบจับ หยากไย่เกาะเต็มไปหมด รีบเตรียมไม้กวาด หยิบไม้ขนไก่ ปัดๆ เช็ดๆ จนเคล็ดขัดยอกกว่าจะเอี่ยมอ่องอย่างเดิม โทษฐานของความขี้เกียจก็เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง เด็กๆ อย่าได้เอาเป็นแบบอย่าง
จริงๆ แล้วไม่ได้อัพบล็อคนานไม่ได้หมายความว่างดการทำขนมไปด้วย เพราะยังคงทำด้วยความถี่เท่าเดิม แต่จนด้วยคำบรรยายที่จะเอามาประกอบรูปลงบล็อคต่างหาก ก็เลยเลือกทางสายกลางง่ายๆ ไม่ทำอะไรปล่อยไว้เฉยๆ ดีที่สุด เพราะหากจะให้เอาแต่รูปมาลงบล็อคเกรงว่าจะฝืด พาลทำให้คนติดตามที่มีอยู่เดิมอันน้อยนิดลดจำนวนลงไปจนไม่เหลือใครเลย


เมื่อร้างการอัพบล็อคนานพาลทำให้เสียสติเมื่อกลับมาเริ่มอัพใหม่ ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เปิดตัวบล็อคครั้งแรก อะไรๆ มันดูงุ่มๆ ง่ามๆ งกๆ เงิ่นๆ ไปหมด นี่ขนาดว่าเลือกทำอะไรที่ง่ายมากไม่ซับซ้อนสุดยอดขนมพิชิตใจเด็กบราวนี่ ที่มีทั้งช็อคโกแลตเข้มข้น และสีสันสุดแสบจาก M&M สูตรและวิธีทำบราวนี่ก็แสนจะง่ายๆ แค่เสียเวลาเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย (รึเปล่า) ตรงต้องสาด M&M ลงไปบนหน้าขนมก่อนอบแค่นั้นเอง


วันหยุดสุดสัปดาห์นี้ใครที่มีลูกสมุนเล็กเด็กแดงอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน ลองชวนกันมาช่วยทำได้แบบไม่ต้องกลัวแป็ก เพราะแอบกระซิบดังๆ ว่า "บระเจ้าจอร์จมันง่ายมากกกกก"


M&M บราวนี่
ไข่ขาว                         2 ฟอง
ไข่แดง                        2 ฟอง
ดาร์คช็อคโกแลต    100 กรัม
เนยจืด                     100 กรัม
น้ำตาลทรายแดง       70 กรัม
แป้งอเนกประสงค์      2 ช้อนโต๊ะ
ผงโกโก้                     1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา                     1 ช้อนชา
เกลือ                      1/4  ช้อนชา
M&M ปริมาณตามชอบ
วิธีทำ
เตรียมพิมพ์สี่เหลี่ยม โดยรองพิมพ์ด้วยด้วยถ้วยกระดาษซิลิโคนรองอบ  เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง รอไว้ ร่อนแป้งพักไว้
นำเนย และ ดาร์คช็อคโกแลตเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที นำออกมาใส่ผงโกโก้ลงไป คนให้เนียนเข้ากัน พักไว้ให้พออุ่น
นำไข่ขาว น้ำตาลทรายแดง วานิลลา และเกลือ ใส่ลงในชามผสม ใช้เครื่องตีแบบมือถือตีด้วยความเร็วสูงสุดจนตั้งยอดกลางถึงแข็ง ทะยอยเติมไข่แดงลงไป ตีต่อด้วยความเร็วกลาง อีกประมาณ 3 นาที ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน


จากนั้นทะยอยเติมส่วนของช็อคโกแลตลงครึ่งนึง ตะล่อมให้เข้ากันก่อนที่จะเติมช็อคโกแลตส่วนที่เหลือ



เทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วย M&M นำเข้าเตาอบประมาณ 13-15 นาที นำออกจากเตาอบพักไว้ให้หายร้อน ใช้พลาสติกแรปปิดทั้งพิมพ์นำเข้าตู้เย็นอย่างน้อยสองชั่วโมงเพื่อให้บราวนี่เซตตัวตัดแบ่งได้ง่ายและได้ชิ้นที่สวยงาม หรือใครรีบร้อนไม่สะดวกรอสามารถรับประทานอุ่นๆ แบบไม่ต้องเพิ่งตัวช่วย หรือจะเสริฟเคียงกับไอศครีมรสโปรดก็ได้ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า








 

2012/07/23

Chicken Farm Baker's Project # 46 - let's bake your favorite tart; Bacon cheese tart


โอ้ยยยย บระเจ้า เจอพิษมือ เท้า ปาก เปื่อย ที่ระบาดอยู่ทั่วประเทศเข้าไป โรงเรียนก็ต้องหยุดเพื่อตัดตอนการระบาด พลอยทำให้เวลาว่างของคุณแม่เป็นอัมพาตไปครึ่งเดือนด้วยเช่นกัน เมื่อเวลาว่างหายการบ้านฟาร์มไก่ก็ชะงักตามไปติดๆ มีเวลามาปัดฝุ่นอีกทีก็ใกล้สิ้นเดือนซะแล้ว หวังว่าคุณยา sana-madebylove โฮสต์คุณแม่ลูกห้าคงให้อภัยและยกผลประโยชน์แห่งการล่าช้านี้ให้แก่จำเลยด้วยนะค้า
การบ้านฟาร์มเดือนนี้คุณยาอยากให้สมาชิกฟาร์มทำทาร์ตหรือพายรับประทานกันเป็นโอทอปในบ้าน อันนู้นก็น่าทำ อันนี้ก็น่าลอง เยอะแยะเต็มไปหมดตามประสาคนห่างครัวนาน ไม่ลงตัวซักทีเลยต้องหาผู้พิพากษาเพื่อตัดสินคดีซะหน่อย จะเป็นใครไปไม่ได้ก็สองพระหน่อเนื้อที่แกร่วเบื่อพ่อเซ็งแม่อยู่ที่บ้านนี่แหละ เพราะถ้าผ่านดารตัดสินแล้วไม่กินเนี่ยมีเจ็บ เป็นการตัดปัญหาทำแล้วเหลือที่ได้ผลชะงัดนัก เหมือนกับคติที่ว่าเลือกแล้วต้องรับผิดชอบ ฮ่าๆๆๆๆๆ


อุตส่าห์จิ้มทั้งรูปและสาธยายทั้งสรรพคุณให้ฟัง หวังว่าลูกจะคล้อยตามในแต่ละสิ่งที่แม่อยาก แต่ก็ต้องล้มเหลวเพราะตัวพี่ดันเห็นโฆษณาพิซซ่าในทีวี เลยยุให้ตัวน้องแข็งข้อ จากหวานในจินตนาการของแม่เลยต้องเปลี่ยนเป็นคาวตามใจและปากของลูก ตัดสินใจว่าเจอกันทึ่ตรงกลาง ขอเปลี่ยนแป้งพิซซ่าเป็นแป้งทาร์ตแล้วประโคมหน้าให้ละม้ายพิซซ่าแล้วกันนะ แม่มันจะได้ส่งการบ้านฟาร์มได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกเป็นฝูงเลยทีนี้ รอดตัวแบบเฉียดๆ ไปอีกเดือน


ในส่วนของแป้งทาร์ตนั้นก็ไม่ได้คิดเอง ฉกของคนอื่นเค้ามาตลอด เป็นแป้งทาร์ตแบบหวานแล้วแอบปนอัลมอนด์ป่นด้วย (อาจจะไม่เข้ากับความคาวของเมนู แต่เป็นความชอบโดยส่วนตัวคงไม่เป็นไรเนอะ) ทำออกมาแล้วแบบว่าเริ่ดมาก ยังไม่ทันหายร้อน แทบจะไม่มีโอกาสถ่ายรูปก็หมด แค่นี้คงพอการันตีถึงความอร่อยได้โดยไม่ต้องบรรยาย สำหรับสูตรและวิธีทำนั้นหมูมากแต่ไม่มีเวลาพิมพ์ เลยเล่นง่ายแปะลิงค์ให้คลิ๊กก็แล้วกันนะค้า ขออภัยในความมักง่ายมา ณ ที่นี้ด้วยค่า


แป้งทาร์ตแบบหวาน
ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่


สลัดเบคอน
เบคอนหั่นเป็นชิ้นๆ พอคำ
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า
มะเขือเทศหั่นเต๋า
น้ำสลัด
ผักชีนิดหน่อย
วิธีทำ
คลุกให้เข้ากันรอใส่ในแป้งทาร์ตที่อบแล้ว


ทาร์ตเบคอนชีส
แป้งทาร์ต                1 สูตร
สลัดเบคอน  
ชีสแผ่น                3-4 แผ่น
ไข่ไก่                       1 ฟอง
พริกชี้ฟ้าแดงซอย
ต้นหอมซอย
พริกไทป่น
วิธีทำ
กรุแป้งทาร์ตลงในพิมพ์อบ อบแป้งทาร์ตให้สุกก่อน จากนั้นตักสลัดเบคอนลงไปในแป้งทาร์ต เรียงชีสแผ่นลงไปด้านบน ตอกไข่ใส่ลงไปบนชีส โรยด้วยพริกซอย จากนั้นนำเข้าเตาอบแค่พอให้ไข่กึ่งสุกและชีสเยิ้ม นำออกจากเตา โรยด้วยต้นหอมซอย และพริกไทป่น




อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2012/07/05

When east meets west, Palm sugar belgium waffles


ได้โอกาสอัพบล็อคกับเค้าซะทีกับขนมชิ้นโปรดของทั้งคุณสามีและลูกๆ เห็นเป็นต้องซื้อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ทำให้ศรีภรรเมียต้องน้อยใจค้อนขวับๆ เลยตั้งปณิธาณเอาไว้ว่า ซักวันนึงจะต้องทำให้ได้ จะได้รู้กันว่าไผเป็นไผ ฮ่าๆๆๆ
แล้วซักวันนั้นก็มาถึง หลังจากหง่อมอยู่บ้านวันอาทิตย์กันยกครัว ไม่อยากกระดิกเนื้อกระดิกตัวออกไปไหน เช้าก็แล้ว สายก็แล้ว กลางวันก็แล้ว มีแต่อาคารคาวตกถึงท้อง ตัวเล็กตัวน้อย เริ่มโวยวายกระหายอยากหวาน สต๊อคขนมแห้งก็หมด เดือดร้อนต้องจัดหาในเวลากระชั้น จัดการสำรวจโพล ออกความคิดเห็นว่าเสียงข้างมากต้องการอะไร คะแนนเป็นเอกฉันท์ในทันทีทันใดว่า วาฟเฟิล แถมด้วยคำพูดท้าทายว่าจะทำได้เหมือนที่เค้าขายเร้อ ฟังแล้วลมออกหู รุดไปรื้อตู้เก็บของแทบไม่ทัน


ปัญหาที่เข้ามากระแทกหน้าจังเบ้อเริ่ม ก็คือไม่มีเจ้าน้ำตาลกรวดขาวๆ หวานๆ ปะแล่มๆ แบบที่เค้าทำขายกัน มีแต่ความดันทุรังสูงเลยจัดการออกแรงทุบน้ำตาลมะพร้าวออกเป็นเสี่ยงๆ กะว่าจะเอาให้พอกล้อมแกล้มไป ที่ไหนได้ อร่อยเว่อร์ (ขอโม้) เพราะพอก้อนน้ำตาลมะพร้าวมันดดนความร้อน มันเยิ้ม หอม และหวานไม่แหลม ยิ่งพอเยิ้มไหลออกมาเคลือบด้านนอกของวาฟเฟิลแล้วด้วย เหมือนกับกินวาฟเฟิลเคลือบคาราเมลเลย ยังไงยังงั้น ทีนี้เลยยุ่งที่ดันเตรียมแป้งไว้น้อย เลยเกือบกลายเป็นกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ชุลมุนอุตลุดอันนี้ของชั้นอันนั้นของเธอ พี่ไม่ยอมน้องน้องไม่แบ่งพี สุดท้ายก็โยนความผิดมาที่แม่ ว่าไม่รู้จักทำให้เยอะเข้าไว้ ก็โถๆๆๆ ทำเยอะทีไรก็เหลือให้แม่มันเจ็บใจทุกที แล้วทีนี้ใครจะกล้าทำเยอะละค้า
โม้มากโม้เยอะมักไม่รุ่ง มุ่งหน้าไปทำด้วยกันเลยดีกว่า ในส่วนวิธีทำนั้นก็ไม่เคยคิดเองอยู่แล้ว ลอกตลอด ฮิ้วววว


วาฟเฟิลน้ำตาลปี๊บ
น้ำสะอาดอุ่น         1/8 ถ้วยตวง
ยีสต์                         1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย            1 ช้อนโต๊ะ
แป้งเอนกประสงค์    1 ถ้วยตวง
เกลือ                     1/8 ช้อนชา
ไข่ไก่                       2 ฟอง
เนยจืดละลาย        1/2 ถ้วยตวง
วานิลลา                   1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บสับหยาบ 1/2 ถ้วยตวง
วิธีทำ
นำน้ำ น้ำตาล และยีสต์ใส่ลงในชาม พักไว้ในที่มืดประมาณ 15 นาที จนยีสต์เพิ่มปริมาณขึ้น เคล้าแป้งและเกลือใหเข้ากันในชามผสม ทำให้เป็นหลุมตรงกลาง จากนั้นเทส่วนของยีสต์ลงไปกลางหลุมแป้ง ใช้ไม้พายคนให้พอเข้ากัน ใส่ไข่ลงไป


ใช้ตะกร้อมือตีให้เนียนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ทะยอยเติมเนยละลายลงไป ใช้ตะกร้อมือคนให้เนียนเข้ากันจนหมดส่วนของเนยจะได้ส่วนของแป้งที่ค่อนข้างเหลว พักชามแป้งไว้ในที่มืดและชื้นประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนก้อนแป้งเพิ่มขนาดเป็นสองเท่า



จากนั้นเทน้ำตาลปี๊บสับหยาบลงไป ค่อยๆ ใช้ตะกร้อมือคลุกให้น้ำตาลกระจายทั่วก้อนแป้ง แต่ไม่คลุกนานจนละลาย


ตักก้อนแป้งใส่ลงในเครื่องทำวาฟเฟิล ทำตามขั้นตอนที่แต่ละเครื่องแนะนำ




อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2012/06/16

Chicken Farm Baker's Project # 45 - Babà; Babà au safran et à l'eau de rose


การบ้านฟาร์มไก่ส่งแล้วค่า เดือนที่แล้วว่าช้าแล้ว เดือนนี้ช้าหนักเข้าไปอีก ทั้งๆ ที่วาดโครงการไว้ในหัวตั้งนานแต่ก็ยังไม่วายเอ้อระเหยลอยชายอีกเกือบเดือน ครั้งนี้คุณแก้ม it's gemmi เป็นเจ้าของไอเดียออกโจทย์การบ้าน ซึ่งเจ้าการบ้านชิ้นนี้บอกกันตามตรงเลยว่าไม่มีความรู้พื้นฐานเอาซะเลย เอาเป็นว่าตั้งแต่ชื่อก็บอดสนิท รูปภัณฑ์สัณฐานนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย นี่ถ้าหากคุณแก้มไม่แปะลิงค์ตัวอย่างไว้ คงได้งมหอยโข่งกินไปอีกนาน




จากการตีความแบบกระท่อนกระแท่น สรุปได้ว่าขนมที่ชื่อสั้นๆ ง่ายๆ ว่า Babà นี้ เป็นเค้กที่ขึ้นฟูด้วยยีสต์ งงแฮะ ฮ่าๆๆๆๆ แช่ให้ชุ่มในน้ำเชื่อมที่ใส่เหล้า ออริจินัลของเค้านั้นเป็นเหล้ารัม เพราะสามีงดเหล้า ตัวข้าพเจ้าก็แพ้ และลูกทั้งสองยังไม่อยู่ในวัย และกำลังหลงไหลกลิ่นอายภารตะ (จากครูสอนโยคะสุดหล่อ) ดังนั้นจึงริอ่านอุตริจับเอามันมาแปลง โดยจัดการตัดแอลกอฮอล์ ออกไปแล้วแช่อิ่มเค้กก้อนน้อยในน้ำเชื่อมสีเหลืองทอง สำหรับใช้เชื่อมแป้งทอดลูกกลมๆ ของคนอินเดีย ที่มีชื่อเก๋ไก๋ชไรเดอร์ว่า Gularb jamun น้ำเชื่อมที่ว่านี้ได้จากการต้มน้ำ น้ำตาล กับหญ้าฝรั่น ลูกกระวาน และดอกกุหลาบ แต่ด้วยความที่หาลูกกระวานไม่ได้ ก็เลยไม่ครบองค์ แต่ไม่เป็นไรไม่มีสิ่งใดในโลกสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว น้ำเชื่อมที่ได้ก็เลยมีแค่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแค่ดอกกุหลาบและหญ้าฝรั่น ที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือปลอดดีกรี แค่นี้ก็แจ่มแล้ว



Babà
แป้งอเนกประสงค์   1 ถ้วยตวง
ยีสต์                        1 ช้อนชา
ไข่ไก่                      2 ฟอง
น้ำสะอาด                1 ช้อนโต๊ะ
ดอกกุหลาบแห้ง     5 ดอก
เนยจืดนิ่ม             1/4 ถ้วยตวง
เกลือ                    1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
ใส่ยีสต์ลงไปในแป้ง คลุกให้พอเข้ากันพักไว้ นำไข่ เกลือ น้ำ และดอกกุหลาบใส่ลงในชาม ใช้ตะกร้อมือตีด้วยความเร็วต่ำให้พอเข้ากัน ใส่ส่วนของแป้งลงไป


ตีต่อด้วยความเร็วต่ำประมาณ 3 นาที ทะยอยใส่เนยลงไป ตีต่อให้เนียนเข้ากัน ใช้พลาสติกแรปปิดชามเอาไว้ พักชามไว้ในที่มืด ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือพอให้แป้งขึ้นเป็นสองเท่า จากนั้นใช้ไม้พายคนไล่อากาศออกจากก้อนแป้ง ตักแป้งหยอดลงในพิมพ์ที่หาเนยบางๆ เอาไว้แล้ว โดยตักหยอดใส่ประมาณครึ่งของพิมพ์ นำพิมพ์ไปพักไว้ในที่มืดอีกประมาณ 15 นาที ให้ก้อนแป้งขึ้นอีกรอบ


ระหว่างนี้ก็เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 อศาเซลเซียส ไฟบนล่าง รอไว้ เมื่อครบเวลาก็นำเข้าอบ อบประมาณ 10-12 นาที สำหรับพิมพ์ขนาดเล็ก หากเป็นพิมพ์ขนาดใหญ่ก็ต้องเพิ่มเวลาขึ้น  ระหว่างรอเค้กสุกก็เตรียมส่วนของน้ำเชื่อมต่อ





น้ำเชื่อมหญ้าฝรั่นและดอกกุหลาบ
น้ำสะอาด                     1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย                1 ถ้วยตวง
หญ้าฝรั่น                     4 ก้านฝอย
ดอกกุหลาบแห้ง        10 ดอก
วิธีทำ
นำทุกอย่างใส่ลงในหม้อขึ้นตั้งไฟจนเดือด หลังจากน้ำเชื่อมเดือดแล้วเคี่ยวต่อไปอีกประมาณ 5 นาที





Babà au safran et à l'eau de rose
Babà
น้ำเชื่อมหญ้าฝรั่นและดอกกุหลาบ
วิธีทำ
นำเค้กอกจากพิมพ์ แช่เค้กที่ยังอุ่นๆ อยูในน้ำเชื่อมทันทีโดยไม่ต้องรอให้น้ำเชื่อมเย็นตัวลง ทิ้งไว้ให้ตัวเค้กซับน้ำเชื่อมจนชุ่มประมาณ 3-5 นาที หากชอบให้เนื้อเค้กฉ่ำมากๆ ก็แช่ทิ้งไว้ได้นานตามต้องการ สามารถรับประทานพร้อมกับวิปปิ้งครีม และผลไม้รสอมเปรี้ยวได้ทุกชนิด เพื่อป้องกันการสำลักความหวาน



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2012/05/26

Self-delicious without any of frosting; Japaneese cotton cheesecake


เบื่อตัวขี้เกียจที่สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดซักที ขี้เกียจถึงขนาดที่ว่าคุณสามีประชดประชันให้ลดอัตราการหายใจไปเลยให้มันรู้แล้วรู้รอด ก็คนมันไม่อยากหรอกไอ้ขี้เกียจนี่นะ แต่ทำไงได้มันเป็นเองโดยธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจเป็นนี่นา

2012/05/18

Raspberry pistachio montblanc, close to perfect but not quite


เบื่อตัวเองจริงอะไรจริงที่ตอนนี้นอกจากจะไม่เลิกบ้าพิสถั่วพิสทาโอแล้วยังดันหาซื้อมาเพิ่มเติมอีกต่างหาก วัตถุดิบประเภทถั่วนี่มันช่างมีอายุหลังจากเปิดหีบห่อแล้วสั้นนัก หนทางเดียวที่จะทำได้เพื่อไม่ให้เสียของและเสียเงินเปล่าคือหาทางใช้มันให้เร็วที่สุด จะกินเปล่าก็กะไรอยู่แปรรูปเป็นขนมสวยๆ ดีกว่าเป็นได้ทั้งอาหารตาและอาหารปาก สบโอกาสเข้าไปเสาะแสวงหาวัตถุดิบดีๆ ในเมืองกรุง เลยหอบหิ้วพะรุงพะรังมาร้อยแปดพันอย่าง ทั้งของสดของแห้ง ในยุคข้าวยากหมากแพงต้องใช้เงินเพิ่มเกือบเป็นสองเท่าเพื่อให้ได้ของที่ต้องการแบบเดิมๆ กลับมา รู้ทั้งรู้ว่ามันแพงเกือบเท่าตัว แต่เจ้ากิเลสตัวดีก็ไม่ปรานีใคร สุดท้ายก็กวาดกลับมา เลยต้องรับสภาพหูชาไปตามระเบียบ