ทั้งๆที่ตั้งหน้าตั้งตารอสุดฤทธิ์กับเมล์ตอบรับเข้าเป็นสมาชิกฟาร์มไก่ แต่ยังไม่วายพลาดลืมเกาะติดกล่องรับข้อความไปถึง 4 วันเต็มๆ รู้สึกตะหงิดๆ เหมือนกิจวัตรในชีวิตประจำวันมันขาดๆ หายๆ ไปหนึ่งอย่าง แต่สมองเจ้ากรรมมันดันฝ่อก่อนวัยอันควร มันคิดไม่ออกซักทีว่าลืมอะไรไป จนกระทั่งกลางดึกของวันเกือบสิ้นเดือน หลังจากให้แสบพี่หัดอ่านนิทานก่อนนอนให้ฟัง ส่งกูดไนท์คิสตบท้าย แล้วก็โบกมือบ้าย บาย หยอยๆ คุณสามีสุดที่เลิฟที่ทำตาละห้อยอยู่บนเตียง ล้มตัวลงนอนหันบั้นท้ายเท่ากะละมังให้ ตาปรือกำลังจะเข้าเฝ้าพระอินทร์อยู่รอมร่อ ก็เกิดนึกขึ้นมาได้ว่า ไอ้ที่ว่าลืมนั้นมันก็คือลืมเช็คเมล์นั่นเอง สปริงตัวเด้งดึ๋งขึ้นจากเตียงด้วยความว่องไว คุณสามียิ้มน้อยยิ้มใหญ่นึกว่าศรีภรรยาจะเห็นใจจัดของขวัญชุดใหญ่ให้ เปล่าค่าเปล่า รีบจัดแจงเปิดโน๊ตบุคตะหาก กระดิกนิ้วสองสามทีก็ปรากฏเมล์ที่รอคอยจากเลขาของฟาร์มไก่ ตัวงี้ลอยแทบจะติดบนฝ้าเพดานขาดอีกแค่กระเบียดนิ้วเพราะน้ำหนักตัวเกินพิกัดอยู่ รีบตกลงตอบรับเป็นสมาชิกทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาพิจารณา (ก็แค่เค้าตอบรับก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว ยังจะมาเล่นตัวพิรี้พิไรอีกก็ใช่ที่ เดี๋ยวเกิดเค้าเปลี่ยนใจเป็นได้หงายเหงือกกันพอดี)
ลนลานเข้าไปดูบล็อคคุณครูเค้าแจกการบ้านตั้งต่วันที่ 25 แล้ว แม่เจ้าโว้ยนี่มันก็ปาไปตั้งวันที่ 30 แล้ว จะทำเยี่ยงใดดี อกอีแป้นจะแตก ใจมันเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ประสาทจะกินเอา โจทย์ที่ได้ก็น่ารักน่าทำ ตัวเค้กให้มีผลไม้อะไรก็ได้อยู่ด้วย ให้รับทานเข้าคู่กันกับซอสที่ต้องทำเอง เหมือนจะง่ายแต่ทำไมมันยากจัง แถมยังแอบนอยด์เล็กๆ ที่ดันเข้าไปอ่านกฎกติกามารยาทแล้วยังหัวขี้เลื่อยไม่เข้าใจอีกว่าเส้นตายส่งการบ้านเค้านับกันยังไง แล้วเราจะต้องส่งวันไหน เอาไงเอากันรีบปั่นการบ้านให้เร็วก่อนเป็นดี เสร็จก่อนแปะก่อน ชนะเลิศ (หุหุหุ เอาสีข้างคิดแทนสมอง เริ่ด)
ครั้งแรกทั้งทีคิดว่าจะจัดให้เต็ม จัดไป จัดให้หนัก แป่ววววว!!!! เอาเข้าจริงก็ต้องพับเมกกะโปรเจ็คที่วาดฝันไว้ คืนสู่สามัญดีกว่า วันพระที่ผ่านมาที่บ้านไหว้กล้วยน้ำว้าตั้ง 6 หวี ถ้าให้กินเฉยๆ ก็คงเอียนกันพอดี พี่ชายสามีเค้าเจ้ากี้เจ้าการเอาไปปิ้ง อร่อยแฮะ เลยปิ๊งไอเดียแบบเอสเอ็มอีตีแตก ขอแบ่งมาทำเป็นขนมส่งการบ้านซะเลย เป็นเค้กกล้วยปิ้ง ที่พิเศษหน่อยด้วยการโรยหน้าด้วยอัลมอนด์ครัมป์ก่อนเข้าอบเพื่อที่เวลาเคี้ยวแล้วจะได้มีความกรุ่บกรอบ ส่วนซอสก็มีนั่งอยู่ในใจแล้วจะเคี่ยวกะทิกับน้ำตาลปี๊บแล้วหย่อน Baileys ลงไปให้มีกลิ่นอายของไอริชครีมแบบฝรั่งอยู่ด้วย
ปล. ต้องเอาตัวเลขโปรเจกต์ไปต่อยอดกะเจ้ามืองวดนี้ซะแล้ว ถือว่าเป็นเลขนำโชค (เหอ เหอ เหอ แหย่ขาหนึ่งข้างเข้าตารางซะแล้วเรา)อัลมอนด์ครัมป์
แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
น้ำตาลทราย 50 กรัม
เนยสด 30 กรัม
อัลมอนด์ 30 กรัม
เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
ตัดเนยเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงในชามผสม
นำแป้งอเนกประสงค์ น้ำตาลทราย อัลมอนด์ และเกลือ รวมใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน เทลงในชามผสมที่มีเนยอยู่ ใช้ส้อมตัดเนยกับแป้งให้เป็นก้อนเล็กๆ คล้ายขนมปังป่น พักไว้ในตู้เย็น
เค้กกล้วยปิ้ง
แป้งอเนกประสงค์ 75 กรัม
เนยสด 50 กรัม
ไข่ 1 ฟอง
น้ำตาลทรายแดงป่น 50 กรัม
โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 50 กรัม
กล้วยน้ำว้าปิ้งหั่นเต๋า 2 ลูก
วานิลลา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/8 ช้อนชา
ผงฟู 1/4 ช้อนชา
เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกัน พักไว้ เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส รอไว้ (ในรูปส่วนผสมลืมไข่กับวานิลลาค่า)
ในชามเล็กใช้ส้อมคนไข่ วานิลลา และเกลือให้พอเข้ากัน ในชามสเตนเลสใช้เครื่องตีแบบมือถือตีเนยกับน้ำตาลทรายแดงให้ขึ้นฟู
ทะยอยใส่ส่วนของไข่ลงไปทีละนิด ตีเนียนให้เข้ากัน แบ่งแป้งออกเป็นสามส่วน โยเกิร์ตสองส่วน ใส่แป้งลงในส่วนผสมของเนยกับไข่ทีละส่วน ตะล่อมให้เข้ากันดีก่อนใส่โยเกิร์ต ทำสลับจนจบที่ส่วนผสมของแป้ง
เทใส่พิมพ์ โรยหน้าด้วยกล้วยที่หั่นไว้ ใช้ไม้พายกดพอให้จมลงในเนื้อเค้ก โปะหน้าด้วยอัลมอนด์ครัมป์ที่พักเอาไว้ในตู้เย็น นำเข้าเตาอบประมาณ 40 นาที หรือจนสุกเมื่อเอาไม้จิ้มแล้วไม่มีเศษขนมแฉะๆ ติดออกมาด้วยเป็นอันใช้ได้
ซอสกะทิไอริชครีม
น้ำตาลปี๊บ 50 กรัม
หัวกะทิ 100 กรัม
Baileys 1 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำตาลปี๊บ และเกลือใส่หม้อขึ้นตั้งไฟอ่อนโดยไม่ต้องคนจนละลายกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน เทกะทิลงไป เคี่ยวให้ซอสข้นขึ้น ยกลงจากเตา เติมเนยสดลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้จนอุ่น เติม Baileys ลงไป คนให้เข้ากัน
ซอสกะทิไอริชครีม
หัวกะทิ
หัวกะทิ
วิธีทำ
ราดซอสบนจาน หยดหัวกะทิเป็นจุดเล็กๆ ใช้ปลายมีดลากให้เป็นรูปหัวใจ ตัดเค้กออกเป็นชิ้นตามชอบ วางลงบนซอส จัดการสำเร็จโทษในทันทีค่า
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
แจ่มค่าาาาาา ชอบจริงชอบจัง ซอสกะทิไอริชครีม โอ๊ยยยยยยยยย
ReplyDeleteท่าทางจะหอมน่าดูเลยนะคะนี่ สำเร็จโทษไปกี่ชิ้นเอ่ย อิอิ
ReplyDeleteยินดีต้อนรับสู่ฟาร์มค่า
ครั้งนี้ไม่ได้ทานซักชิ้นเลยเพราะทำน้อยแต่ดันอร่อยซะงั้นค่า
ReplyDelete