อีกแล้วค่าอีกแล้วมาคาฮองอีกแล้ว ว่าจะเลิกทำแล้วเชียวกะเจ้าขนมแฟชั่นนิสต้าเนี่ย ทำทีไรเจ๊งครึ่งดีครึ่ง ทำให้เสียน้ำตาทู้กที แต่มันก็อดใจไม่ไหวอีกแล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับเจ้ามาคาฮองแบบสวิส ปกติที่เคยคุ้นหูก็มีแต่มาคาฮองแบบฝรั่งเศส และมาคาฮองแบบอิตาเลี่ยน
หลายๆ คนคงแปลกใจว่ามันแตกต่างกันยังไง มันแตกต่างกันที่การทำส่วนของเมอร์แรง แบบฝรั่งเศสนั้นไข่ขาวที่จะใช้มาทำเมอร์แรงจะต้องแยกทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนานถึง 2 วัน หรือแยกใส่ภาชนะปิดสนิทแช่เย็นไว้ถึง 4 วัน ก่อนจะนำมาใช้ แถมเมื่อบีบมาคาฮองลงบนถาดเสร็จแล้วยังต้องเสียเวลาพักผิวอีกอย่างน้อยเป็นชั่วโมง ส่วนของอิตาเลี่ยนเมอร์แรงนั้น จะแบ่งไข่ขาวออกเป็นสองส่วนโดยส่วนหนึ่งจะใช้ผสมกับส่วนของอัลมอนด์และไอซิ่งก่อนก่อน แล้วไข่ขาวส่วนที่เหลือจะใช้ทำอิตาเลี่ยนเมอร์แรงแล้วจึงนำกลับมาผสมกับส่วนของอัลมอนด์อีกครั้ง แต่เมื่อบีบมาคาฮองลงบนถาดเสร็จแล้วไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพักผิวอบได้เลย และท้ายสุดมาคาฮองแบบสวิสก็ใช้ไข่าวทำสวิสเมอร์แรงแล้วจึงนำมาผสมกับส่วนของอัลมอนด์และไอซิ่ง เมื่อบีบมาคาฮองลงบนถาดเสร็จแล้วเสียเวลาพักผิวเพยงแค่ครึ่งชั่วโมง
เยิ้มซ้า |
แต่ตามที่ผู้ที่มีวิชามาคาฮองแก่กล้าทั้งหลายลงความเห็นนั้น มาคาฮองที่มีรสสัมผัสเป็นที่สุดของที่สุดและมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากและละเอียดอ่อนที่สุดก็คือแบบฝรั่งเศส และที่ไม่เอาไหนที่สุดแต่ทำง่ายที่สุดก็คือแบบสวิส ถึงว่าซิที่ผ่านมาถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จซะที เป็นเพราะฝีมือไม่ถึงนั่นเอง จบข่าว
ปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ อยากรู้ว่ามันจะง่ายจริงอย่างที่ผู้มีวิชาทั้งหลายว่ามารึป่าว งานนี้ก็คงต้องพิสูจน์ แล้วก็เป็นไปตามคาดอย่างที่คนโบราณท่านบอกเป๊ะ ว่าเดินตามผู้ใหญ่หมามันไม่กัด รู้งี้เดินตามตั้งนานแล้ว มาคาฮองที่ทำวันนี้เลยงดงามมาก (ถึงเค้าจะบอกว่ารสสัมผัสมันห่วยสุดแต่รูปมันสวยก็ใช้ได้ สิ่งอื่นตามมาทีหลัง เหมือนสุภาษิตที่ว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม) ส่วนของใส้มาคาฮองมันหว๊านหวานไม่อยากให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดมันกระฉูด จัดการตัดหวานด้วยเปรี้ยวปรีีดของมะนาว เพิ่มน้ำผึ้งลงไปอีกหน่อยเพื่อความอร่อยและสุขภาพ
เคิร์ดน้ำผึ้งมะนาวเปรี้ยวหอมสะใจ |
หนนี้ทำซะเยอะเลย เห็นผลงานทั้งหมดถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ไม่รู้จะกระจายสินค้าไปให้ใครดี เพราะไม่มีใครใคร่ชอบนัก สาเหตุก็มาจากความหวานของมันนี่แหละ เมื่อหาที่ลงไม่ได้จะมีที่ไหนดีไปกว่าโรงเรียนของลูก หุหุหุ แล้วตอนนี้หนุ่มหล่อที่สุดของบ้านเค้าก็กำลังคร่ำเคร่งกับการเรียนการตีกลองชุดโดยมีครูที่โรงเรียนช่วยสอนให้โดยไม่เปลืองเงินคุณแม่คนดีซักกะบาท งั้นถือเอาโอกาสนี้ติดสินบนครูไปด้วยทีเดียวดีกว่า แบบว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกมันทั้งฝูงเลย
ของกำนัลคุณครูของแสบสุดหล่อ |
เคริ์ดน้ำผึ้งมะนาว
ไข่แดง 2 ฟอง
ไข่ 1 ฟอง
น้ำตาล 1/3 ถ้วยตวง
น้ำมะนาว 1/4 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
เนยจืดนิ่ม 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำน้ำใส่หม้อให้ความสูงของน้ำประมาณ 1 นิ้ว ตั้งไฟให้เดือดรุมๆ ตามขอบข้างหม้อแต่ไม่เดือดมาก (หม้อที่ใช้ต้มน้ำต้องที่มีขนาดพอที่จะวางชามลงไปบนปากหม้อได้โดยที่ชามไม่หลุดลงไป)
นำทุกอย่างยกเว้นเนยใส่ลงไปในชามทนความร้อน ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน นำชามขึ้นวางบนปากหม้อ ใช้ตะกร้อมือคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมข้นขึ้น จากนั้นนำชามออกมา เติมเนยลงไป ใช้ตะกร้อมือคนใหเข้ากัน ใช้พลาสติกแรปปิดแนบหน้าของเคิร์ดที่ได้กันหน้าแห้ง พักไว้ให้เย็น
มาคาฮอง
อัลมอนด์ป่นร่อนแล้วชั่งให้ได้ 80 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 140 กรัม
ไข่ขาว 80 กรัม
น้ำตาลทราย 65 กรัม
สีผงสีเหลือง 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
นำอัลมอนด์ที่ร่อนและชั่งแล้วกับน้ำตาลไอซิ่งใส่ลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากันแล้วร่อนพักไว้
นำน้ำใส่หม้อให้ความสูงของน้ำประมาณ 1 นิ้ว ตั้งไฟให้เดือดรุมๆ ตามขอบข้างหม้อแต่ไม่เดือดมาก (หม้อที่ใช้ต้มน้ำต้องที่มีขนาดพอที่จะวางชามลงไปบนปากหม้อได้โดยที่ชามไม่หลุดลงไป)
ใส่ไข่ขาวและน้ำตาลทรายลงในชามสเตนเลสที่แห้งสะอาด นำชามขึ้นวางบนปากหม้อ ระวังไม่ให้ก้นชามสัมผัสโดยตรงกับน้ำที่อยู่ในหม้อ ใช้ตะกร้อมือคนเรื่อยๆ อย่าหยุดจนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด อุณหภูมิของไข่ขาวจะประมาณ 55 องศาเซลเซียส ยกชามลงจากหม้อ เติมสีผงลงไปแล้วใช้เครื่องตีมือถือตีจนเมอร์แรงที่ได้เย็นลง ใส่ส่วนของอัลมอนด์ลงไป ตะล่อมให้เนียนเข้ากัน ลักษณะจะคล้ายแบทเทอร์ของเค้กแต่หนืดกว่า
ตักใส่ในถุงบีบที่ติดหัวบีบกลมเอาไว้ บีบหยอดในถาดที่รองด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบตามขนาดที่ต้องการ ยกถาดกระแทกแรงสามถึงสี่ครั้งเพื่อไล่ฟองอากาศออกจากมาคาฮอง พักผิวมาคาฮองประมาณ 20 นาที
หลังจากนั้นเปิดเตาอบทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ไฟล่างอย่างเดียว พอเตาอบร้อนได้ที่นำถาดมาคาฮองเข้าอบโดยวางถาดไว้ที่ชั้นบนสุดให้ห่างจากความร้อนมากที่สุด ใช้ทัพพีขัดแง้มฝาเตาอบไว้ตลอดการอบ อบประมาณ 10-13 นาที จากนั้นนำถาดออกมาพักด้านนอกจนมาคาฮองเย็นสนิทจึงบีบใส้ลงไปตรงกลาง ประกบคู่มาคาฮองแลวพักไว้อย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงก่อนรับประทานเพื่อความอร่อยมากยิ่งขึ้น
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
No comments:
Post a Comment