2012/05/26

Self-delicious without any of frosting; Japaneese cotton cheesecake


เบื่อตัวขี้เกียจที่สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดซักที ขี้เกียจถึงขนาดที่ว่าคุณสามีประชดประชันให้ลดอัตราการหายใจไปเลยให้มันรู้แล้วรู้รอด ก็คนมันไม่อยากหรอกไอ้ขี้เกียจนี่นะ แต่ทำไงได้มันเป็นเองโดยธรรมชาติ ไม่ได้ตั้งใจเป็นนี่นา



หลังจากสถานกักกันลิงน้อยสองตัวได้เปิดอ้าแขนรับอย่างเป็นทางการมาร่วมสองอาทิตย์ คุณแม่ได้โล่ก็ติดอาการรักสบายมาแบบเต็มๆ เปิดใจแบบไม่กลัวเสียภาพลักษณ์เลยว่าเบื่อช่วงเวลาที่โรงเรียนปิดเทอมที่สุด แต่ถ้าจะให้ส่งลูกเรียนตอนปิดเทอมอีกก็ไม่ใช่ทาง เพราะรู้สึกสงสารลูกขึ้นมาตะหงิดๆ บวกกับอาการสงสารเงินในกระเป๋าด้วยกลัวมันจะระเห็จออกไปเยอะ เลยต้องจำใจสวมบทเป็นครูไหวใจร้ายในช่วงที่โรงเรียนยังไม่ยอมเปิดไปพลางๆ ใครไม่เคยมีลูกแบบไม่มีพี่เลี้ยงคงไม่มีทางเข้าใจเป็นแน่แท้ว่าหัวอกคุณแม่ที่ต้องทำหน้าที่เป็นทั้งแม่ พี่เลี้ยง ครู เพื่อน คนขับรถ และอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัดที่ลูกอยากให้เป็นและจำเป็นจะต้องเป็นเพื่อตัดความรำคาญมันเป็นยังไง


วกกลับมาที่ประเด็นขี้เกียจดีกว่า ก่อนที่จะเผลอพล่ามเรื่องในมุ้งมากไปกว่านี้ จริงๆ ที่อารัมภบทมาซะยืดยาวก็เป็นเพราะว่าขนมชิ้นนี้มีสาเหตุมาจากเรื่องที่สาธยายมาด้านบนทั้งหมด เริ่มจากลูกไปโรงเรียนแล้วอยากมีขนมไปแบ่งเพื่อนบ้าง เพราะไม่งั้นลูกบอกว่าถ้าไม่มีขนมไปแบ่งเพื่อนเพื่อนก็จะไม่แบ่งขนมให้กินเหมือนกัน ไอ้ตัวคณแม่ได้โล่ก็แสนจะขี้เกียจ แต่ก็ไม่อยากมักง่ายซื้อขนมถุงให้ไปกินกัน เพราะคิดไปเองอีกว่าอยู่ที่โรงเรียนเพื่อนๆ ลูกคงแข่งกันเอามาเยอะอยู่แล้ว เลยเดือดร้อนต้องทำแต่ขอมออพชั่นว่าเป็นแบบไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมก็อร่อยและได้คุณค่า หาไปหามาก็ลงล็อคเหมือนเลขหวยที่น้องหนู ฟูนุ่ม ฟูนุ่ม ที่ชื่อว่า ชีสเค้กแบบญี่ปุ่น นี่แล เป็นอะไรที่ทำง่าย กินง่าย และอร่อยด้วยตัวเอง จบข่าว




ชีสเค้กแบบญี่ปุ่น
ครีมชีส                    250 กรัม
วิปปิ้งครีม                 1/3 ถ้วยตวง
เนย                           55 กรัม    
ไข่ไก่ แยกแดง ขาว    6 ฟอง
น้ำตาลทราย            1/2 ถ้วยตวง
แป้งเค้ก                   1/3 ถ้วยตวง
แป้งข้าวโพด               3 ช้อนโต๊ะ
เกลือ                        1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
เตรียมพิมพ์อบชีสเค้กเค้กขนาด 3 ปอนด์ โดยรองด้านล่าง และกรุด้านข้างของพิมพ์ด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเพื่อควาสะดวกในการนำชีสเค้กออกจากพิมพ์ จากนั้นร่อนแป้งเค้กและแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกัน พักไว้
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง รอไว้ นำน้ำร้อนใส่ลงในถาดที่มีขนาดใหญ่กว่าพิมพ์ที่จะอบชีสเค้ก โดยกะให้ความสูงของน้ำประมาณ ครึ่งนึงของพิมพ์ที่จะใช้อบชีสเค้ก วางถาดน้ำร้อนไว้บนตะแกรงในเตาอบชั้นล่างสุด
นำครีมชีส วิปปิ้งครีม เนย และเกลือ ใส่ลงในชาม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที หรือแค่ให้พอวิปปิ้งร้อน เนยละลาย และครีมชีสอ่อนตัวลง ใช้เครื่องตีแบบมือถือตีด้วยความเร็วต่ำให้ส่วนผสมเนียนเป็นเนื่อเดียว ถ้าส่วนผสมยังร้อนอยู่ให้พักไว้ให้พออุ่น ก่อนที่จะใส่ไข่แดงลงไป


ตีต่อด้วยความเร็วต่ำให้เข้ากัน ใส่แป้งที่ร่อนแล้วลงไป ใช้พายยางตะล่อมให้เนียนเข้ากันพักไว้


จากนั้นนำน้ำตาลใส่ลงในชามไข่ขาว ใช้เครื่องตีแบบมือถือ หรือใช้เครื่องผสมแบบตั้งโต๊ะแล้วแต่สะดวก ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูตั้งยอดอ่อนถึงกลาง แบ่ง 1/3 ของโฟมไข่ขาวมาผสมกับส่วนของครีมชีส ใช้พายยางตะล่อมให้เข้ากันก่อนจะตะล่อมโฟมไข่ขาวที่เหลือลงไป ตะล่อมให้เนียนเข้ากันดี เทใส่ในพิมพ์ นำพิมพ์วางลงในถาดน้ำร้อนในเตาอบ ใช้เวลาอบทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง โดยปรับเป็นไฟล่างอย่างเดียวหลังจากอบไปได้ครึ่งชั่วโมง หน้าเค้กจะได้ไม่เป็นสีน้ำตาลมากเกินไป


เมื่อเค้กสุกได้ที่แล้ว นำพิมพ์ออกมาวางไว้บนตะแกรงทิ้งไว้ให้แค่พอคลายร้อนจัด ประาณ 5-7 นาที แล้วรีบนำเค้กออกจากพิมพ์ ทิ้งให้เย็นบนตะแกรง ไม่ควรทิ้งเค้กให้เย็นตัวลงในพิมพ์ เพราะเค้กจะหดตัวเสียรูป และแฉะเกินไป (อันนี้เป็นประสปการณ์ที่เคยพบ และความเห็นส่วนตัวที่คิดเอาเองล้วนๆ ค่า)
หากจะตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ ต้องรอให้ตัวเค้กเย็นสนิทก่อนนะค้า จะได้สวยกริ๊บ


อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า






No comments:

Post a Comment