2011/05/17

An aroma blue pea cake


หนีร้อนไปค้างคืนดูหิ่งห้อยที่อัมพวามา (หุ หุ หุ ที่นั่นดันร้อนกว่า เกือบตาย) ตามที่ได้สัญญากับเจ้าชายน้อยเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปิดเทอมใหม่ๆ ว่าจะพาไปส่องวิถีชีวิตของสัตว์ตัวเล็กๆ แต่ทรงพลัง (มันปล่อยแสงได้เหมือนอัลตร้าแมนเลยนะลูกนะ สุดยอด) ล่วงเข้าไปก็เกือบจะเปิดเทอม เพิ่งสบโอกาสเหมาะ ไม่รอช้าจัดกระเป๋าโยนเข้ารถออกเดินทาง ไม่ถึงชั่วโมงดีก็ถึงอัมพวา เพิ่งรู้ว่าที่นั่นใครๆก็ฮิตบริโภคสมุนไพรแบบสุดๆ เหลียวซ้ายก็อัญชัน หันขวาก็ตะไคร้ ทนไม่ได้อย่างแรง ในเมื่อที่บ้านเราก็มีนี่นาอัญชัน ฝากไว้ก่อนเถอะกลับบ้านไปเจอแน่ สองวันหนึ่งคืนผ่านไปไวเหมือนโกหก ตะลีตาเหลือกเร่งคุณสามีให้รีบกลับบ้านอย่างด่วน ไม่ใช่ว่าอยากกลับมาทำขนมหรอก แต่ดันซื้อหมี่กรอบเจ้าดังที่เค้าทำกันสดๆ มาฝากญาติผู้ใหญ่ที่บ้าน (นิสัยเดิมโกยเรตติ้งเหมือนดอกส้มสีทองตอนนี้ยังไงยังงั้น) เจ้าของสูตรเค้าบอกว่ามันจะอร่อยภายในแค่สองชั่วโมง หลังจากนั้นแล้วพ่อเจ้าประคุณหมี่จะเหี่ยว เหนียว ชืด (อะไรก๊าน ช่างเหมือนกับอีแก่ที่ยืนอยู่ข้างๆเจงๆ คุณสามีเค้าแอบแขวะ) เลยต้องรีบบึ่งกลับบ้านด่วนเพราะกลัวเสียหน้า หมดราคาคุย หลังจากประคับประคองหมี่น้อยกลอยใจใส่จานให้เครือญาติรับทานแล้ว ก็ถึงตาของเราบ้าง คันไม้คันมือมานานแล้ว

เยลลี่อัญชัน
น้ำเปล่า     1/2 ถ้วย
อัญชัน       20 ดอก
น้ำตาล        3 ช้อนโต๊ะ
เจลาติน       3 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)
วิธีทำ
ใช้มือขยี้ดอกอัญชันให้ละเอียดผสมกับน้ำเปล่า กรองเอากากออก เติมน้ำตาลลงไป นำไปเข้าไมโครเวฟประมาณหนึ่งนาที หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย พักไว้ให้อุ่นเทใส่พิมพ์ซิลิโคน (วันนี้ใช้ทรงโดม) นำเข้าช่องฟรีซจนแข็งตัว


สปันจ์เค้กอัญชัน
แป้งเค้ก           55  กรัม
แป้งข้าวโพด        5  กรัม
น้ำตาล            55  กรัม
ไข่                2  ฟอง (แยกไข่แดง-ขาว)
เนย              10  กรัม
นม               10  มล.
น้ำมัน             10  มล.
วานิลลา          1/2  ช้อนชา
อัญชัน             5 ดอก
เกลือ            1/8  ช้อนชา
วิธีทำ
ร่อนแป้งทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน พักไว้ เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส
บดกลีบดอกอัญชันให้ละเอียดผสมกับนม พักไว้
นำไข่ขาวใส่ในชามสแตนเลส ใช้เครื่องตีมือถือตีให้เป็นฟองหยาบ ทะยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนตั้งยอดกลาง ใส่ไข่แดงทีละฟองตีให้เข้ากัน ทะยอยเติมแป้งลงไป ตะล่อมให้เข้ากันดี
เทน้ำมันใส่ชามอีกใบ นำนมผสมอัญชันกับเนยเข้าไมโครเวฟนาน 20 วินาที แล้วนำมาเทผสมกับน้ำมัน คนให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งหนึ่งในสามของส่วนผสมของไข่กับแป้งมาตะล่อมกับส่วนผสมของน้ำมันให้เข้ากันดี แล้วจึงเทกลับไปผสมกับส่วนผสมของไข่กับแป้งที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือ เทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบ นำเข้าเตาอบนานประมาณ 8-10 นาที นำออกมาพักไว้ให้พออุ่น คว่ำออกจากถาด ตัดเป็นรูปทรงตามต้องการ (วันนี้เป็นวงกลม เพราะใช้พิมพ์กลมแต่ดันถอดก้นไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรมีวิธีแก้ไข วิธีตามด้านล่างเลย)
* การที่ทำให้ส่วนผสมของนม เนย และน้ำมันอุ่นขึ้น จะช่วยให้ผสมเข้ากับส่วนผสมของไข่กับแป้งได้ดีขึ้น ไม่ต้องไปอยู่ก้นพิมพ์แล้วทำให้เค้กด้านล่างแข็งเป็นไต นอกจากนี้การแบ่งส่วนของแป้งกับไข่มาผสมกับส่วนของนม เนย และน้ำมัน ก็มีส่วนช่วยให้ผสมได้ง่ายเช่นเดียวกัน*
* การใช้พิมพ์แบบถอดก้นไม่ได้มาทำมูส เพื่อให้นำเอามูสออกมาได้โดยไม่ทำให้มูสเสียรูปทรง สามารถทำได้โดยใช้พลาสติกแรปกรุให้รอบพิมพ์ แล้ววางเค้กที่ใช้เป็นฐานลงไป ดังรูปด้านล่าง เวลาจะนำมูสออกก็แค่ใช้ดรายเป่าผม เป่ารอบพิมพ์แล้วยกพลาสติกแรปขึ้น ข้อเสียของการไม่มีพิมพ์ถอดก้นก็คือ ตัวมูสจะเป็นรอยตามรอยย่นของแรป แต่ไม่เป็นไรของแบบนี้มาตกแต่งด้านนอกได้*


มูสอัญชันมะนาว
น้ำเปล่า     100  มล.
อัญชัน       20 ดอก
น้ำมะนาว     1/2 ลูก
เจลาติน      2 แผ่น (แช่น้ำเย็นให้นิ่มแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด)
วิปปิ้งครีม    200 มล.
น้ำตาลทราย  70 กรัม
เกลือ        1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำเปล่า น้ำตาลทราย เกลือและดอกอัญชันใส่หม้อตั้งไฟ ต้มให้เดือดแล้วกรองเอากากออก หย่อนเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป คนให้ละลาย เติมน้ำมะนาวคนให้เข้ากันอีกครั้ง ทิ้งให้เย็น
ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดกลาง เติมน้ำอัญชันลงไปครึ่งนึง คนให้เข้ากันแล้วจึงเติมน้ำอัญชันส่วนที่เหลือลงไป คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
แกะเยลลี่อัญชันออกจากพิมพ์ซิลิโคน วางไว้ตรงกลางของพิมพ์ที่ด้านล่างรองด้วยเค้กเอาไว้ เทมูสอัญชันลงไป เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าช่องฟรีซจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ตามวิธีที่แนะนำด้านบน พักให้หายแข็งตัวในตู้เย็นช่องธรรมดา รอการตกแต่งและตัดเสริฟ


ส่วนตกแต่ง
อัญชัน            1 ดอก
ไข่ขาว         
น้ำตาลทราย
วิธีทำ
นำแปรงชุบไข่ขาวทาให้ทั่วดอก จุ่มดอกอัญชันที่เคลือบด้วยไข่ขาวแล้วในน้ำตาลทรายให้เกาะให้ทั่ว สะบัดเอาน้ำตาลทรายส่วนเกินออก พักไว้รอจนแห้ง นำมาตกแต่งบนเค้ก



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

No comments:

Post a Comment