วี๊ดว้าย วี๊ดวิ้ว พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก มิน่าเชื่อเวลามันติดปีกชัดๆ ไม่ทันไรก็เป็นคนไม่โสดมาได้ตั้ง 7 ปีเข้าไปละ วันนี้เป็นวันดี๊ดี วันที่ 9 เดือน 5 ของเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เป็นวันที่เราจะไม่ได้นอนกางแข้งกางขา วาดมือไปมาได้สบายบนเตียงคนเดียว เป็นวันที่หลังจากนี้จะไม่เปิดแอร์นอนไม่ได้ (มันร้อนเพราะมีคนนอนข้างๆ ฮิ้ววววว) เป็นวันที่ต้องต้องอพยพตัวเองมาไกลจากคุ้มทางเหนือ เพื่อมาอยู่บนเหล่าเต้งในภาคกลาง เป็นวันที่จะต้องเริ่มปรับตัวจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ (ให้ได้ เป็นไฟต์บังคับอ่ะนะ) และนับหลังจากวันนี้จะเป็นวันที่ไม่ต้องชักหน้าแล้วยังไม่ถึงแม้กระทั่งกลางหลังอีกต่อไป (ฮ่าๆๆๆๆ อันนี้ชอบมากมาย เพราะว่าเรามีคนหาเลี้ยงแล้วนั่นเอง ยิปปี้ยัปปะยัปปะดู้) และที่มากไปกว่าทั้งหมดมันก็คือเป็นวันที่เราจะได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา ร่วมกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเล็กๆขึ้นมาด้วยกัน (ณ ตอนนี้นั้น อุ่นมากจนร้อนเลยแหละ) ไม่ว่าจะทุกข์จะสุขก็จะมีคนเคียงข้าง (ทะเลาะ)
คุณสามีผู้น่ารัก (แบบพอเพียง) ก็ไม่ทำให้ศรีภรรยาเยี่ยงเราผิดหวัง รำลึกถึงวันครบรอบแต่งงานอันแสนจะโรแมนติกด้วยการนำเอาดอกไม้กลับมาจากงานแต่งงานของเพื่อนเจ็ดดอก มาวางไว้บนเตียงเซอร์ไพรส์คุณศรีภรรยา เฮ้อ!!!! สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานค้า (ปล. วันนี้ไม่ได้ถ่ายรูปตอนทำเลย เพราะต้องแอบ แอบ และก็แอบ ขนาดอัพบล็อคยังต้องแอบเลยอ่ะ ก็คนมันเขิลลลลลนี่นา ขอโทษทุกคนมา ณ ที่นี้ด้วยค่า)
แคร็กเกอร์เค็ม 80 กรัม
ไวท์ช็อค 20 กรัม
เนยสด 30 กรัม
วิธีทำ
นำทุกอย่างใส่เครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียดเข้ากัน นำมากรุที่พิมพ์ที่ถอดก้นได้เพื่อเป็นฐานของชีสเค้ก (วันนี้ใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 12 ซม.) นำเข้าเตาอบที่ตั้งอุณหภูมิไว้ 150 องศาเซลเซียส (ไฟล่างอย่างเดียว) ประมาณ 10 นาที นำออกมาพักไว้ ระหว่างนี้ก็ไปทำส่วนของชีสเค้กกันต่อ
ชีสเค้ก
ครีมชีส 250 กรัม
ไข่แดง 2 ฟอง
ไข่ขาว 3 ฟอง
วิปปิ้งครีม 30 มล.
เนยสด 20 กรัม
น้ำตาลทราย 70 กรัม
แป้งอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
วานิลลา 1 ช้อนชา
เกลือ 1/8 ช้อนชา
มัลเบอร์รี่ฟิลลิ่ง 4 ช้อนโต๊ะ (ลูกหม่อนกวน)
วิธีทำ
นำน้ำ (มากหน่อยเผื่อเอาไว้รองถาดตอนอบชีสเค้ก) ใส่หม้อตั้งไฟให้เดือด ลดไฟลงให้น้ำเดือดแค่รุมๆ นำครีมชีส เนย และวิปปิ้งครีมใส่ชามทนความร้อน วางชามไว้บนหม้อน้ำเดือด ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว ยกลงพักไว้ให้อุ่น ใส่วานิลลาลงไปในไข่แดงคนให้เข้ากัน เทลงไปในชามที่พักไว้ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งคนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้
เตรียมชามสะอาดอีกหนึ่งใบ ใส่ไข่ขาวลงไปกับน้ำมะนาว ตีให้เป็นฟองหยาบๆ ทะยอยใส่น้ำตาลลงไปทีละนิด ตีจนขึ้นฟูตั้งยอดกลาง แบ่งไข่ขาวหนึ่งในสามไปตะล่อมกับส่วนของชีสที่พักไว้ให้เข้ากัน จากนั้นนำไข่ขาวที่เหลือทั้งหมดลงไปตะล่อมให้เข้ากันดี พยายามทำอย่างเบามือโฟมไข่ขาวจะได้ไม่ยุบมากนัก ชีสเค้กที่ได้จะได้มีเนื้อเบาขึ้น
ใช้อลูมิเนียมฟอยล์หุ้มข้างพิมพ์ที่พักเอาไว้เพื่อกันน้ำซึมเข้าไป นำส่วนของชีสเทใส่พิมพ์ หยอดมัลเบอร์รี่ฟิลลิ่งเป็นจุดๆ ครั้งละครึ่งช้อนโต๊ะ กระจายบนส่วนของชีส ใช้ปลายมีดลากให้เป็นลวดลายสวยงาม
ยกพิมพ์ลงไปวางในถาด เทน้ำร้อนที่อยู่ในหม้อลงไปในถาด ให้ความสูงของน้ำประมาณครึ่งพิมพ์ นำเข้าเตาอบโดยวางถาดไว้บนชั้นบนสุด ให้อยู่ไกลส่วนที่ให้ความร้อนมากที่สุด (จะช่วยให้ชีสเค้กหน้าไม่แตก) อบประมาณ 50 นาที ถึงหนึ่งชั่วโมง (อันนี้แล้วแต่เตานะ ต้องสังเกตุเอาเองค้า) เสร็จแล้วยังไม่ต้องนำออกมาจากเตาอบ ให้พักเอาไว้ในนั้นจนเย็นโดยระหว่างที่พักไว้ให้แง้มฝาเตาอบไว้ด้วย พอชีสเค้กเย็นก็นำมาพักไว้ในตู้เย็นต่ออีกคืน (นานเน้อ แต่คุ้มค่า สมราคาเหนื่อย) เช้ามาก็จัดการละเลงตามชอบ คุณสามีสุดที่เลิฟเค้าชอบแบบเสริฟกับครีมด้วย จัดให้เค้าไปเพราะวันนี้มีแค่เราสองเท่านั้นที่สำคัญ (แหวะๆ แหยะๆ เหมือนชีสเค้กเลยเนอะ อย่าเพิ่งอ้วกกันก่อนน้า)
สำหรับตกแต่ง
วิปปิ้งครีม 200 มล.
น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
มัลเบอร์รี่ฟิลลิ่ง ตามชอบ
วิธีทำ
ใช้มีดกรีดขอบข้างให้รอบก่อนนำชีสเค้กออกจากพิมพ์ ใช้มีดจุ่มน้ำร้อนก่อนตัดให้ได้ขนาดตามต้องการ อย่าลืมทำความสะอาดมีดก่อนจุ่มน้ำร้อนและตัดใหม่ทุกครั้ง เดี๋ยวขอบไม่เนียน จากนั้นก็ตกแต่งจานด้วยมัลเบอร์รี่ฟิลลิ่ง วางชีสเค้กลงไป เพิ่มครีมเพื่อความอร่อยมากขึ้น แล้วก็ยกไปประเคนให้บุคคลที่เรารักทันที
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
สุโคอิอีกเช่นเคยนะเอื้อม อยากกินอ่ะ แต่เป็นขนมของสามีและภรรยา เราไม่เกี่ยวนี่หว่า อิอิ
ReplyDeleteซ้อมนานมั้ยกว่าจะทำสวย น่ากินเช่นนี้อ่ะเพื่อน
ปล.โพสยากกโพดด
ขอบคุณมามายเลยจ้าบี๋ สำหรับเมนท์ดีๆทำให้มีกำลังใจมากมาย
ReplyDelete