อดรู้สึกใจหายนิดๆ กับการจากไปของบุคคลสำคัญคนนี้ ที่ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด หรือรู้จักเป็นการส่วนตัว เว้นเสียก็แต่มีผลิตภัณฑ์ของเค้าประมาณ 2-3 ชิ้นอยู่ในความครอบครอง
ตั้งแต่เช้าของวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมาหน้าวอลล์บนเฟซบุ๊คของเพื่อนสนิทมมิตรสหายเกือบทั้งหมดจะต้องมีข้อความไว้อาลัยให้กับบุรุษแห่งแอปเปิ้ลผู้แสนจะมหัศจรรย์ทั้งงานที่เค้าสร้างขึ้นและแนวความคิดส่วนตัว
จริงๆ แล้วตอนที่ Steve Jobs ยังมีชีวิตอยู่ไม่เคยรู้สึกจะสนใจใคร่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเค้าเลย แต่พอหลังจากที่ได้เห็นข้อความไว้อาลัยมากมายบนสื่อทุกรูปแบบทำให้เกิดความสนใจที่อยากจะรู้เรื่องราวของคนๆ นี้ ขึ้นมาบ้าง แต่ไม่ได้เป็นไปเพราะตามกระแส แต่เป็นเพราะว่างงและทึ่งว่าเค้าได้ทำอะไรให้กับโลกนักหนาถึงได้รับคำสรรเสริญมากมาย และมีคนจำนวนมากเสียดายอยากให้เค้ายังคงมีชีวิตอยู่ หลังจากได้เปิดหูเปิดตากับข้อมูลอันล้นหลาม ตลอดจนรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาไปแล้ว ก็พบเข้ากับความประทับใจอีกอย่างในคำพูดของบุคคลคนนี้หลายต่อหลายครั้ง ที่ประทับใจมากที่สุดก็คงเป็นคำพูดด้านล่างนี้ แต่ไม่อาจหาญพอที่จะแปลความหมายออกมาได้ ขอเข้าใจคนเดียวแบบงูๆ ปลาๆ ก็พอ
อัพบล็อคครั้งนี้ตั้งใจอยากจะเพียงร่วมไว้อาลัย โดยเลือกที่จะแสดงออกมาด้วยสิ่งที่ตัวเองนั้นถนัดที่สุดนั่นก็คือขนม ไม่ต่างกันหากเปรียบ Steve Jobs เป็นตำนานที่อยู่คู่กับ Apple® ฉันใด ขนมที่เลือกทำวันนี้ก็เป็นขนมในตำนานสุดคลาสสิคที่อยู่คู่กับผลไม้ที่เรียกว่าแอปเปิ้ลฉันนั้น "Apple crumble"
ใส้แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลแดง 1 ลูก
แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูก
น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/8 ถ้วยตวง
อบเชยป่น 1ช้อนโต๊ะ
เนยจืดละลาย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ปอกเปลือกแอปเปิ้ลแล้วหั่นเป็นชิ้นๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำมะนาวเพื่อไม่ให้แอปเปิ้ลเปลี่ยนสี จากนั้นใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปเคล้าให้เข้ากันพักไว้
อัลมอนด์ครัมบ์
แป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
อัลมอนด์คั่วป่น 1/3 ถ้วยตวง
เนยจืดเย็นจัด 1/3 ถ้วยตวง
ผงฟู 1/2ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
นำทุกอย่างใส่ในชามผสม จากนั้นใช้ส้อมตัดเนยให้เข้ากับส่วนผสมอย่างอื่นจนส่วนผสมที่ได้เป็นก้อนคล้ายๆ ทรายเปียกๆ พักไว้
แอปเปิ้ลครัมเบิล
ใส้แอปเปิ้ล
อัลมอนด์ครัมบ์
วิธีทำ
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส รอไว้
ตักใส้ลงในพิมพ์ โรยหน้าด้วยอัลมอนด์ครัมบ์ นำเข้าเตาอบประมาณ 20 นาที นำออกมาพักไว้ เสริฟอุ่นหรือเย็นแล้วแต่ถนัด เสริฟคู่กับซอสวานิลลา ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
No comments:
Post a Comment