2011/12/28

Banana in heavy syrup serve with coconut milk, You must have been sugar high by this amber-like dessert


"เรียนท่านผู้มีอุปการะคุณโปรดทราบ ขณะนี้กล้วยหักมุกที่ท่านกรุณาหยิบยื่นให้มานั้น ได้ถูกแปรรูปเรียบร้อยแล้ว และพร้อมจะส่งกลับให้ท่านได้บริโภคในไม่ช้านี้" ไม่รู้เป็นไรพักนี้ที่บ้านมีคนเอานู่นเอานี่มาให้อยู่ได้ทุกวัน วันนี้ก็สดๆ ร้อนๆ เพิ่งได้รับกล้วยหักมุกมาตั้งสองหวี สีเปลือกกล้วยยังเขียวๆเหลืองๆ เหมือนสีดอกกระดังงาอยู่เลย จะย่างกินก็ยังไม่ได้เพราะยังไม่งอมคงฝาดเอามากๆ จะรอให้มันงอมแล้วค่อยย่างก็ขี้เกียจ แถมตั้งสองหวีย่างไปก็หาคนบริโภคไม่ได้ เลยต้องหาวิธีแปรรูปเป็นอย่างอื่นที่มันกินง่าย กินคล่อง แจกได้ และเก็บไว้ได้นาน นั่นก็คือเชื่อมมันซะ

2011/12/22

We wish you a brownie cupcake pop


You'd better watch out. You'd better not cry. You'd better not pout. I'm telling you why. Santa claus is coming to town...... ใกล้เข้ามาแล้วกับช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ บรรยากาศการตระตรียมงานเลี้ยงฉลองที่โรงเรียนลูกคึกคักสุดๆ คริสมาสต์ทั้งทีใครๆ ก็คงนึกถึงซานตาคลอสกัน จริงๆ ก็อยากจะปั้นคุณลุงซานต้าอ่ะนะ แต่ว่ายังเข็ดกับการปั้นแองกรี้เบิร์ดงวดก่อนอยู่ กลัวว่าหากยังคงดื้อดึงปั้นคุณลุงซานต้าอาจจะกลายสระร่างเป็นอย่างอื่นไปได้ เพลย์เซฟเอาไว้เลือกทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำดีกว่า เผื่อว่าหากมันไม่เนี๊ยบจะได้มีข้ออ้างได้ว่าเพิ่งเคยหัดทำเป็นครั้งแรก อิอิอิอิ

2011/12/19

A taste of autumn in japan; Kuri daifuku

อยากกินไดฟุกุ อยากกินไดฟุกุ อยากกินไดฟุกุ แต่ไม่ได้อยากกินแบบที่มีขายในยามซากินะ อยากกินแบบที่เคยกินที่ญี่ปุ่นง่าาา มันเป็นแบบที่ด้านนอกหุ้มห่อด้วยแป้งโมจิ บรรจุครีมชานทิลลิ่ที่ไม่หวานจัด สอดใส้ด้านในอีกทีด้วยผลไม้ มีทั้งสตรอเบอร์รี่ องุ่น และก็กล้วย  ปิดตูดอีกทีด้วยสปันจ์เค้ก ที่เคยจับยัดเข้าปากครานั้นเป็นสตรอเบอร์รี่ อร่อยมาก อยากกินอีก เฮ้อ! หัวสูงไปรึป่าว จะหากินได้ที่ไหน ก็ที่นี่มันบ้านนอกไม่ใช่เมืองกรุงซะด้วยซิ พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียคงไม่ได้กิน   หาหนทางเอาเองก็ได้ ในเนตมีออกถมวิธีทำอ่ะ แต่วัตถุดิบนี่จะหาได้ป่าวไม่รู้ วัดดวงเอาแล้วกัน

2011/12/08

Pizza bun is anything but ordinary

"พลูค๊าบเย็นนี้อยากกินไรลูก บอกม่าม๊าเร็ว เดี๋ยวม่าม๊าทำให้" หนุ่มน้อยนิ่งคิดซักพักก่อนที่จะอ้อมๆ แอ้มๆ ตอบกลับมาว่า "กินพิซซ่าได้ป่าวอ่ะม่าม๊า" ถามมาครึ่งอาทิตย์คำตอบก็แบบเดิมแค่น้ำเสียงตอนตอบแผ่วลงทุกวันแค่นั้น ไม่รู้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับร้านพิซซ่าต้องหาทางให้ได้กินมันทุกอาทิตย์ไป กินทีก็ไม่ต่ำกว่าครึ่งพัน กะแค่พิซซ่าถาดกลางหนึ่งถาด ปีกไก่โหลนึง เฟรนช์ฟรายหนึ่งที่ สปาเกตตี้หนึ่งจาน แล้วก็ขนมปังกระเทียมหนึ่งแถว ไม่รู้ว่าจะแพงไปไหน รู้สึกเสียดายเงินยังไงไม่รู้ เอางี้แล้วกันเย็นนี้แม่จัดการให้ โอเคมั้ย "เอาหน้าใส้กรอก เบคอน และก็ชีสเยอะๆ นะม่าม๊า หอมใหญ่ไม่ชอบ พริกหวานมันเหม็น ห้ามใส่" จัดแจงสั่งเบ็ดเสร็จ เผด็จการไปมั้ยลูกค๋า

2011/12/05

Kids' delight : English toffee caramel candy


ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกอมหวานๆ กับเด็กๆ เป็นของคู่กัน เข้าร้านสะดวกซื้อเมื่อไหร่เป็นต้องเร้าๆ ให้ซื้อกลับมาให้ได้ จะหวังได้ประโยชน์และคุณค่่าทางสารอาหารจากลูกอมพวกนี้คงเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าในลูกอมเกือบร้อยเปอร์เซนต์เป็นน้ำตาลและที่เหลืออีกนิดหน่อยก็เป็นส่วนของสีผสมอาหารและกลิ่นสังเคราะห์ ซึ่งคงไม่ดีแน่หากยังอนุญาตให้เด็กๆ หอบหิ้วกลับบ้านมาบ่อยๆ

2011/11/28

Mixed fruits fresh cream cake; now you can feel the winter breeze


อากาศเริ่มเย็นลง ท้องฟ้ามืดเร็วขึ้น แต่ไม่ยักกะสว่างช้าเลย นอนยังไม่เต็มตาดีก็ต้องรีบแหกตื่นมาประกอบกิจการงานบ้านอีกแล้ว ใครมีลูกเล็กเด็กแดงช่วงอากาศเปลี่ยนอย่างนี้คงต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษหน่อย เดี๋ยวจะพาลป่วยนู่นเป็นนี่ให้ต้องเหนื่อยหนักอีก
หลังจากที่โรงเรียนของหล่อพี่หยุดมาสิริรวมเกือบหนึ่งเดือน ก็ได้ฤกษ์งามยามดีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ คนที่ดีใจจนออกหน้าออกตาก็คงไม่พ้นแม่มันอีกตามเคยที่นับทั้งนิ้วมือนิ้วเท้าครบไปตั้งสอบรอบแล้วว่าเมื่อไหร่จะถึงวันดีเดย์วันนี้ซักที ผิดกับหนุ่มหล่อที่หงอยลงอย่างผิดหูผิดตาเพราะว่าบรรดาเจ้ๆ เฮียๆ ที่หนีน้ำมาอยู่ด้วยกันที่บ้านยังไม่เปิดเรียนเลย กลัวว่าลูกจะงี่เง่าตอนวันเปิดเรียนจริงเลยต้องบิวท์อารมณ์ร่วมกันตั้งแต่วันเสาร์เลยทีเดียว พยายามบอกจนปากเปียกปากแฉะว่าวันจันทร์นี้ก็จะต้องไปโรงเรียนแล้วนะ ถ้าคิดจะนอนดึกเวลาปลุกให้ตื่นตอนเช้าต้องห้ามงอแงและอิดออด ใช้น้ำเข้าลูบด้วยการบอกว่าถ้าหนูแหกปากแม้แต่เพียงนิดเดียวคุณแม่คนดีที่หนึ่งจะสำเร็จโทษมันคาเตียงเลย ฮ่าาาาาา แล้วหนุ่มน้อยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง น่ารักจริงๆ ลูกค๋า ไม่รู้เรียกว่ารู้หน้าที่หรือว่ากลัวสลบเหมือดคาเตียงกันแน่

2011/11/22

Chocolate mascarpone mousse with brownie and meringue for my boy 7th birthday; Life is always bitter-sweet


เจ็ดปีผ่านไปไวเหมือนโกหก สุดหล่อของคุณแม่คนดีที่หนึ่งก็ย่างก้าวเข้าวัยหนุ่มน้อยช่างยอกย้อน เถียงคำไม่ตกฟาก เริ่มรู้จักอาย มีโลกส่วนตัวซะแล้ว (เร็วไปมั้ยลูกค๋า) เมื่อลูกเริ่มโตคุณแม่คนดีที่หนึ่งต้องเริ่มยัดเยียดความรับผิดชอบเล็กๆ น้อย ให้เพื่อที่ลูกโตมาจะได้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่มากไม่น้อยเริ่มด้วย ต้องหุงข้าวให้สมาชิกในบ้านกิน หัดทำเมนูไข่ทุกรูปแบบ เรียนรู้การต้มมาม่า (ให้ถูกใจแม่) ช่วยแม่เตรียมกับข้าวเวลามีปาร์ตี้ที่บ้าน (เพื่อโชว์แขกผู้มีเกือกทั้งหลายเป็นการเชิดหน้าชูตาให้กับบุพการีไปในตัว) และครอบคลุมไปถึงซักเสื้อกล้าม กางเกงชั้นใน และถุงเท้าให้ตัวเอง ภาระกิจพิชิตแชมป์เหล่านี้ให้โอกาสฝึกซ้อมล่วงหน้าก่อนลงสนามจริงถึงหนึ่งเดือน ผลปรากฏว่าทำไปบ่นไปไม่ต่างอะไรกะคุณสมัคร อิดอิดออดออด วันดีคืนดีมีบทเศร้าเคล้าน้ำตาอีกตะหาก แต่ก็สอบผ่านอย่างฉลุยแบบแม่ต้องพึ่งที่ครอบหูกันเสียงบ่นพึมพำเล็ดลอดเข้าไปแล้วทำให้อารมณ์ขึ้น

สลัด BEN 10 ออกไป หันไปปลื้มเจ้านกหน้าตากวนแทน


ตลอดเวลาที่เข้าคอร์ส บรรดาแม่ยกพ่อยกทั้งหลาย ทั้งอากง อาม่า คุณตา คุณยาย ต่างก็ดาหน้าเข้ามาโวยวายหาว่าใช้แรงงานเด็ก พร้อมส่งสายตาพิฆาตมาเป็นระยะๆ พยายามที่จะกางปีกป้องและช่วยเหลือกันยกใหญ่ (แต่แม่มันไม่ฟังดันทุรังทำต่อไป) พอสิ้นสุดระยะเวลาเก็บตัวก็ถึงวันเกิดพอดิบพอดี เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิตเลยบังคับให้ไปทำสังฆทานแต่เช้า หลังจากตบหัวไปแล้วก็ลูบหลังปลอบใจเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเค้กวันเกิดก้อนขนาดกะทัดรัดไม่ถึงสามคนโอบ ประกบคู่กับก๊วนแองกรี้เบิร์ดตัวโปรด (ที่ดูไม่ค่อยเหมือนซักเท่าไหร่) โดยเค้กวันเกิดก้อนนี้ตั้งใจจะใช้ให้ข้อคิดสอนลูกไปในตัวว่าชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้แต่มีช่วงแห่งความสุขเสมอไป มันต้องมีช่วงที่เหน็ดเหนื่อยและเป็นทุกข์บ้าง ไม่ต่างจากรสชาดเค้กวันเกิดที่แม่ตั้งใจทำให้ ลูกเป่าเทียนไปแม่ก็อธิบายไปไม่รู้ว่าจะเข้าใจอะไรบ้างมั้ยเนี่ย หรือว่าแม่มันจะหวังมากเกินไปก็ไม่รู้เนอะ

โคลสอัพกันนิด



ปล. ขออวดลูกนิดนะค้า ออกอาการปลื้มอกปลื้มใจมากเมื่อสองวันที่แล้วขณะสุดสวยคนน้องกำลังนอนหลับกลางวันอย่างเมามันเกือบห้าโมงเย็นแล้วยังไม่ตื่น สุดหล่อคนพี่เกิดอาการหิวข้าวเย็นแต่แม่ติดภาระกิจเฝ้าน้องอยู่ เลยบอกลูกว่าทนไปก่อนแป๊บนะลูก รอน้องตื่นก่อนเดี๋ยวแม่ลงไปทำให้ คิดว่าสุดหล่อคงเข้าใจคำสั่งเพราะเห็นผละลงไปด้านล่าง อีกครึ่งชั่วโมงพอน้องตื่นก็รีบลงไปตั้งใจจะหาอะไรให้กินเพราะคิดว่าคงหิว แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้น้ำตารื้นด้วยความสงสารลูกระคนปลื้มใจแบบสุดๆ เมื่อพบว่าเจ้าตัวกำลังกินข้าวกับไข่เจียวที่ทำเองกะมืออย่างเมามัน แถมข้างๆ จานข้าวของตัวเองก็ยังมีไข่เจียวที่ทำเผื่อแม่และน้องเอาไว้อีกสองฟอง โถ.....ลูกค๋า แม่ภูมิใจในตัวหนูที่สุดในโลก หนูโตแล้วจริงๆ หลังจากชื่นชมเสร็จแม่คนนี้ก็ชี้นิ้วสั่งงานดะเลย ฮ่าาาาาาา

 
ฟัดจ์บราวนี่
ส่วนผสมตลอดจนขั้นตอนวิธีทำดูได้ ที่นี่ 


เสร็จแล้วแช่เย็นทิ้งไว้หนึ่งคืน นำออกมาตัดเป็นลูกเต๋าเล็กๆ



 
ช็อคโกแลตเมอร์แรง
ไข่ขาว                       3 ฟอง
น้ำตาลทราย           2/3 ถ้วยตวง
ดาร์คช็อคโกแลต   100 กรัม
วิธีทำ
เปิดเตาอบที่ 110 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างรอไว้
ขั้นตอนวิธีทำดูได้ ที่นี่ เมื่อได้ส่วนของช็อคโกแลตเมอร์แรงแล้ว นำใส่ถุงบีบที่ติดหัวบีบกลมเอาไว้ บีบเป็นวงกลมให้มีขนาดเท่ากับฐานของพิมพ์มูสขนาด 1 ปอนด์ ส่วนที่เหลือบีบเป็นแท่ง นำเข้าเตาอบประมาณ 1 1/2 ชั่วโมง ปล่อยให้เย็นตัวลงในเตาอบโดยที่แง้มฝาเตาอบเอาไว้ เมื่อเย็นสนิทแล้วแกะออกมาจากกระดาษรองอบ เก็บเอาไว้ในกล่องที่มีฝาปิดสนิทจนกว่าจะใช้งาน


ช็อคโกแลตมาสคาร์โปนมูส
มาสคาร์โปนชีส     250 กรัม
ดาร์คช็อคโกแลต  150 กรัม
วิปปิ้งครีม               1/4 ถ้วยตวง
เจลาติน                    1 ช้อนชา
น้ำสะอาดเย็น           1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำเจลาตินใส่ลงไปในน้ำ รอให้พองตัว เทวิปปิ้งครีมลงไปผสม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที คนให้เข้ากันพักไว้
นำดาร์คช็อคโกแลตใส่ชามเข้าไมโครเวฟครั้งละ 20 วินาที 2 ครั้ง นำออกมาคนให้ละลายเข้ากัน จากนั้นเติมส่วนของวิปปิ้งครีมและเจลาตินลงไป คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
นำมาสคาร์โปนชีสใส่ลงในชามผสม ใช้ตะกร้อมือคนให้พอแตกตัว เทส่วนของช็อคโกแลตลงไปใช้ตะกร้อมือตะล่อมให้เนียนเข้ากัน


 
ช็อคโกแลตมาสคาร์โปนมูส กับบราวนี่ และเมอร์แรง
ช็อคโกแลตเมอร์แรง
ช็อคโกแลตมาสคาร์โปนมูส
บราวนี่หั่นเต๋า
กานาซช็อคโกแลต
ผงโกโก้
วิธีทำ
นำเมอร์แรงแผ่นกลมกรุลงเป็นฐานของพิมพ์มูส ส่วนเมอร์แรงแบบแท่งเก็บไว้ตกแต่งก่อนเสริฟ เทส่วนของมูสช็อคโกแลตลงไป โรยทับด้านบนด้วยบราวนี่ที่หั่นเต๋าไว้ ใช้ไม้พายกดบราวนี่ให้จมลงไปในมูส นำเข้าตู้เย็นข้ามคืน
นำเค้กที่ได้ออกจากพิมพ์ ตกแต่งด้วยเมอร์แรงแบบแท่ง ราดด้วยกานาซช็อคโกแลต โรยด้วยผงโกโก้แคนั้นก็แหร่มแล้ว




อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2011/11/12

Palm and jackfruit cream pie, I miss all my chicken farm bakers' friends so much


ร้างบล็อคไปเกือบสองอาทิตย์ หยากไย่เกาะเต็มบล็อคไปหมด ต้องรื้อและปัดกันยกใหญ่ ที่เตาอบก็ไม่ต่างกันแทบไม่ได้ใช้งานเลยก็ว่าได้ ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากขาดแรงบันดาลใจอย่างแรง เพื่อนๆ ในฟาร์มไก่ก็กลายเป็นผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมไปเกือบหมดทุกคน จึงจำต้องงดการบ้านของฟาร์มในเดือนนี้ไป คิดถึงทุกคนทั้งๆ ที่ เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน รู้สึกเป็นห่วงเพราะหลายต่อหลายคนต้องจากบ้านเพื่อไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัย นานๆ ครั้งถึงจะได้ยินข่าวคราวซักครั้ง เลยพาลทำให้เกิดความรู้สึกเหงาและเคว้งมากจนเบียดบังอารมณ์ในการที่จะเสกสรรปั้นแต่งขนมไปด้วย

2011/11/01

Shiratama mochi, traditional japanese dessert


คิดถึงญี่ปุ่นจังในสภาวะการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ยิ่งเห็นผงถั่วเหลือง (kinako 黄粉,きなこ) ที่หอบกลับมาจากการไปเที่ยวครั้งก่อน นอนแผ่หราอยู่ในตู้เก็บของ ก็ยิ่งทำให้อยากกินขนมญี่ปุ่นแท้แบบสุดๆ แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะอาจหาญเข้าไปเสาะหากินในบางกอก ก็น้ำมันล้อมเกือบทุกด้านซะขนาดนั้น

2011/10/21

Never been eaten before but attempt to challenge, Milano pistachio cookies


วันนี้ฮอตมาก ฮอตจริงฮอตจัง รับสายเพื่อนสนิทพร้อมๆ กันถึงสามคนในรอบเกือบแปดปีหลังจากแต่งงานแล้วย้ายสำมะโนครัวติดตามคุณสามีสุดที่รักยิ่งมาอาศัยชายคาบ้านพ่อแม่คุณสามี ซึ่งหัวข้อสนทนาต่อให้เด็กประถมก็คงเดาออกว่าเป็นเรื่องใด ก็ไม่พ้นเรื่องน้ำท่วมดีกว่าฝนแล้งนี่แหละ ทุกสายสนทนาล้วนเป็นห่วงเป็นใยเนื่องจากข่าวสารที่ทางผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพร้อมใจกันป้อนให้เป็นระยะๆ นั้นป่าวประกาศว่า พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังภัยให้จงดีดันมีที่ตั้งของบ้านอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าเข้าไปรวมด้วย แต่หลังจากได้สนทนากันอย่างออกรสออกชาดแล้วคิดว่าเพื่อนๆ คงเปลี่ยนใจไม่อยากเป็นห่วง เพราะตัวข้าพเจ้าน้านดันไม่รู้เรื่องอะไรกะเค้าเลย ก่อนวางสายทุกคนเลยร่วมแรงรวมใจช่วยกันประสาทพรอีกยกใหญ่ว่าวันๆ ไม่ต้องคิดอะไรหรอกนะ ใช้เวลาที่มีค่าทั้งหมดทำขนมเข้าไป ขอให้น้ำมารอหน้าบ้านจริงเหอะ แล้วจะรู้สึก เอิ่มมมมคุณเพื่อนๆ ค้าดิฉันไม่ได้หมกมุ่นแต่ทำขนมอย่างเดียวนะค้าดิฉันหมกมุ่นอัพบล็อคด้วยค่า ฮ่าาาาา ตรู๊ดดดดดด คุณเพื่อนชิ่งวางสายไปเสียแล้ว

2011/10/20

Midnight sin chocolate cake; Not only be your eye candy but also be edible


เฮ้อ!!!! กลุ้มกับข่าวสารบ้านเมืองในขณะนี้ซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเลือกเสพสื่อชนิดไหนๆ ล้วนแล้วแต่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมทั้งสิ้น ถึงบ้านทืี่ซุกหัวนอนอยู่นี้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่กลับมีความรู้สึกสับสนว่ามันอาจจะเป็นพื้นที่เสี่ยงขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีนึงก็ได้จากการนำเสนอข่าวที่มันมากมายไปนิด แต่ก็เข้าใจว่าสื่อทุกค่ายต้องการเกาะติดและทันข่าวที่สุด แต่การนำเสนอรูปแบบนี้โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าหากเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจริงๆ คงจะรู้สึกเครียดมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะมีสติตั้งรับ ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองทำได้มากที่สุดนอกจากกำลังทรัพย์ที่พอจะสละได้ ก็คงเป็นการส่งกำลังใจและความปรารถนาดีที่หวังให้ทุกคนที่ประสบภัยก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้โดยบอบช้ำน้อยที่สุดแล้วกันนะคะ

2011/10/15

Chicken Farm Baker's Project # 40 : Play me please!!, Pate a Choux ; French cruller with strawberry milk glaze


พอรับแซ่บโจทย์จากโฮสท์ก็นอนหงายเงิบใช้ขาหลังก่ายหน้าผากครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงว่าการบ้านเดือนนี้จะลงตัวที่ขนมชิ้นไหนดี ก็มันไม่ถนัดเอาซะเลยเพราะยังไม่เคยบรรเลงเพลงยุทธ์ในกระบวนท่าที่ว่าด้วยแป้งชูซักครั้ง แต่คุณแม่ลูกลิงสองมีรึจะยอมยกธงขาว ไม่มีทางหรอก เพราะตั้งแต่รับลิงมาเลี้ยงสองตัว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะยากเย็นแสนเข็ญไปกว่านี้อีกแล้ว

2011/10/10

B is for "Banana choco caramel mousse cake"


อีกแล้วอ่า กล้วยจริงกล้วยจัง เปล่าชอบน้าแต่กลัวมันเน่าเลยต้องเอาไปเล่นแร่แปรธาตุอีกแล้ว หมดปัญญาสร้างสรรค์แล้ว เอาแบบสามัญที่คนนิยมกินกันดีกว่าง่ายดี พูดไปแหม่บๆ ว่าง่ายสุดท้ายก็ตกม้าตายตอนจบอีกละ ตั้งใจจะใช้กานาซช็อคโกแลต ราดหน้าให้เงาวิ้งงงงง ซะหน่อย แต่ดันขี้เกียจและมัธยัสถ์เลยจัดการเอากานาซช็อคโกแลตในตู้เย็นที่เหลือจากการทำฟองดูให้ลูกเล็กเด็กแดงมาอุ่นในไมโครเวฟ คุยกะไมโครเวฟไม่รู้เรื่อง ให้ความร้อนเกินเวลาไปหน่อย พี่เค้าเลยสลัดน้ำมันออกมา คนยังไงก็ไม่เนียน ก็ยังดันทุรังเอาไปราดบนเค้กอีก สมใจเลยทีนี้ พอมันเย็นตัวลงเลยได้ลายหินอ่อนไว้ดูต่างหน้า สมน้ำหน้าไอ้คนตระหนี่ไม่เข้าเรื่องเลยทีนี้

2011/10/08

Rest in peace for the man of Apple®, Steve Jobs with the legendary recipe of apple; Apple crumble


อดรู้สึกใจหายนิดๆ กับการจากไปของบุคคลสำคัญคนนี้ ที่ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด หรือรู้จักเป็นการส่วนตัว เว้นเสียก็แต่มีผลิตภัณฑ์ของเค้าประมาณ 2-3 ชิ้นอยู่ในความครอบครอง

2011/10/06

Love at first sight and also like at fisrt taste; Tangy pistachio layer cake


เป็นเพราะเจ้าเค้กชิ้นนี้ทำให้หยุดเกาะตู้ขนมมองอยู่นานสองนานพินิจพิเคราะห์จนคุณสามีต้องสะกิดว่าอายเค้า จะกินก็สั่งซิ เกาะตู้จ้องเป็นเด็ก 2 ขวบอยู่ได้ เช๊อะ!! ใครจะอายก็อายไป ชิ!! เราไม่สนซะอย่าง เพราะถึงพนักงานหน้าร้านจะนินทาแต่ข้าฟังไม่ออก ฮิ้ววววว
จากการสังเกตุการณ์แบบสุ่มๆ เพราะไม่ได้รับเข้าปากจริง พอจะประมวลผลได้ว่าต้นฉบับเค้าด้านล่างสุดจะเป็นพัฟพาสตรี้กรอบๆ ตามมาด้วยชั้นของคัสตาร์ดวานิลลาบางๆ ถัดมาเป็นสปันจ์เค้กนิ่มๆ ตามมาด้วยชั้นของเยลลี่สีแดงแปร๊ด แล้วก็คัสตาร์ดอีกที ผนึกด้วยสปันจ์เค้กนิ่มๆ แล้วก็น่าจะเป็นเคริ์ดเลมอน ปิดท้ายด้วยชั้นของพิสทาชิโอครีมสีเขียวสด แต่ด้วยความที่ไม่อยากรีดแป้งพัฟพาสตรี้เพราะว่าไม่สันทัดอย่างแรง ก็เลยต้องงัดกลยุทธ์สลับสับเปลี่ยนเอาด้วยการเปลี่ยนชั้นฐานเป็นสปันจ์เค้กแทน ราดด้วยซอสวานิลลาที่เหลือจากการทำการบ้านฟาร์มไก่ โรยทับด้วยแครกเกอร์ครัมบ์พิสทาชิโอให้มันมีรสสัมผัสกรอบๆ แบบพัฟพาสตรี้ ติดมาด้วยชั้นของเยลลี่ราสเบอร์รี่ ทับด้วยสปันจ์เค้กอีกที แปลงจากเคิร์ดเลมอนเป็นเคิร์ดส้มแมนดารินเพราะเลมอนมันไฮโซเกินไม่มีติดบ้าน ปิดท้ายด้วยครีมพิสทาชิโอสีสดใส ถูๆไถๆ ไปให้หน้าตามันคล้ายๆ ก็เพียงพอแล้ว มามะมามั่วด้วยกันเร็ว

2011/10/04

Chicken farm bakers' project # 39 : Mon Entremets: Everything starts from basic ; Apple crumble latte mousse cake inspired by Starbucks®


โอ้แม่เจ้าโว้ยหายหน้าหายตาไปจากบล็อคเกือบเดือนเพื่อไปปฏิบัติภารกิจพิชิตโลกที่เกาหลีและญี่ปุ่น กลมานอนหงายเหงือกหงายคางอยู่กะเหย้าเฝ้ากะเรือนได้เกือบอาทิตย์ คิดว่าคงเสวยสุขพอแล้วปัดฝุ่นทำการบ้านฟาร์มไก่เดือนที่แล้วของคุณปุ๊ก dailydeliciousthai  ดีกว่า อัพบล็อคขึ้นมาหน้างี้หงายเลยอันเก่ายังไม่ได้ส่ง โฮสท์คนใหม่อย่างคุณก้อย bake-aholic ก็ป้อนโจทย์การบ้านใหม่ซะแล้ว ไม่ได้การละต้องเดินเครื่องด่วนค่า

Basic vanilla sauce


ถือเป็นซอสที่คลาสสิคอีกชนิดหนึ่งที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ส่วนประกอบที่สำคัญมีอยู่เพียง 4 อย่าง ก็คือ ไข่แดง วิปปิ้งครีม (ที่ยังไม่หมดอายุ) น้ำตาลทรายคุณภาพดี และฝักวานิิลลาชั้นเลิศ อย่างหลังสุดหากใครหาไม่ได้จะใช้วานิลลาสกัด หรือวานิลลาสังเคราะห์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด แต่ความไฮโซอาจลดน้อยลงนิดแค่นั้นเอง


ซอสวานิลลา
ไข่แดง              2 ฟอง
น้ำตาลทราย   1/4 ถ้วยตวง
วิปปิ้งครีม       1/2 ถ้วยตวง
ฝักวานิลลา        1 ฝัก
วิธีทำ
นำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟให้เดือดรุมๆ กรีดฝักวานิลลา ขูดเอาแต่เม็ด (ส่วนของฝักเสียดายให้นำไปใส่ลงโถน้ำตาลจะได้น้ำตาลทำขนมกลิ่นวานิลลา เก๋ซะ) ใส่ลงในชามสเตนเลสพร้อมกับไข่แดง น้ำตาลทราย และ วิปปิ้งครีม   นำชามขึ้นวางบนหม้อที่มีน้ำเดือดรุมๆ ใช้ตะกร้อมือคนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นขึ้น นำชามลงมาจากเตา คนไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมอุ่นลง หากยังไม่ใช้งานทันที ใช้พลาสติกแรปปิดให้หน้าเอาไว้เพื่อไม่ให้หน้าซอสเป็นฝ้าแข็ง

Basic caramel sauce


ซอสคาราเมลเป็นอีกหนึ่งไอเท็มฮิตที่ควรมีติดตู้เย็น เพราะสามารถใช้แก้ขัดลดอาการอยากหวานยามไม่มีขอหวานได้ชะงัดนัก คุณสมบัติเด่นมีหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น ทาขนมปัง ราดบนไอศครีม ราดบนวาฟเฟิล จิ้มกับขนมปังกรอบ ราดในนมร้อน โรยบนกาแฟแก้วโปรด และอื่นๆ อีกมากมาย เห็นสรรพคุณเยอะอย่างนี้ เห็นควรด้วยว่าต้องไปเตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์ให้พร้อม มาเริ่มทำตามขั้นตอนที่แสนจะธรรมดาไม่ซับซ้อนกันเลยค่า

ซอสคาราเมล
น้ำตาล         200 กรัม
น้ำ                   2  ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม      200 มล.
เกลือ            1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมน้ำตาล น้ำ และเกลือลงในหม้อทรงสูงหน่อย คนให้เข้ากันไม่ต้องถึงกับให้น้ำตาลละลาย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมดและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนโดยไม่ต้องคน (แล้วแต่ความชอบ ถ้าเข้มนิดรสชาดก็ออกขมหน่อย) ลดไฟให้เหลือแค่ไฟอ่อนมาก จากนั้นก็นำวิปปิ้งครีมเข้าไมโครเวฟประมาณ 1  นาที พอให้ร้อนแบบมีฟองปุดๆ ตามขอบ เทวิปปิ้งครีมที่ร้อนลงไปในส่วนของน้ำตาลไหม้ ควรใส่ถุงมือและยืนอยู่ห่างหม้อเอาไว้เมื่อทำขั้นตอนนี้ เพราะมันจะเดือดฟู่ขึ้นมาสูงมาก นั่นคือสาเหตุว่าทำไมต้องใช้หม้อทรงสูง (เดี๋ยวมันจะล้นนั่นเองค่า) คนให้เข้ากันอีกครั้ง ยกลงจากเตา รอให้เย็น เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทเก็บไว้ในตู้เย็นได้เป็นเดือนๆ

2011/09/07

Reloaded your health with supreme carrot cake


เอาใจคนรักสุขภาพแต่ไม่สามารถตัดขาดขนมหวานได้ ด้วยเมนูสุขภาพคับชิ้น ที่ทำง่ายแสนง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือ แครอทเค้กแบบที่ไม่ได้มีแต่แครอทแต่ครบเครื่องไปด้วย ถั่วพีแคน กีวีอบแห้ง ลูกเกด กล้วยหอม ช็อคโกแลตชิพ ชูกลิ่นด้วยอบเชยป่นที่ฝาหรั่งมังค่าเค้าเรียกว่าซินนามอน ปาดหน้าด้วยครีมชีสฟรอสติ้ง อืมมมมม ฉ่ำ นุ่ม ชุ่ม และอ้วนนนนนน (แล้วมันสุขภาพตรงไหนเนี่ย)

2011/09/05

Inspired by dailydelicious blog : Banana roll cake with mascarpone cheese filling


อย่าเพิ่งงงและเบื่อหน่ายกันนะค้า เพราะอัพบล็อคเมื่อวานก็เป็นเค้กชิฟฟอนกล้วยหอม แล้วยังหน้าด้านอัพบล็อควันนี้ด้วยเค้กชิฟอนกล้วยหอมอีก  แบไต๋แบบตรงไปตรงมาตรงนี้เลยว่า เมื่อวานทำชิฟฟอนกล้วยหอมปริมาณเยอะมากแต่แบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเติมเบอร์รี่และอัลมอนด์ลงไปใส่พิมพ์คัพเค้กอย่างที่เห็น และอีกส่วนเทลงถาดอบเอาไว้ทำเป็นเค้กโรล โดยได้ไอเดียจากคุณปุ๊กเจ้าของบล็อค dailydelicious แค่เปลี่ยนนิดนึงที่ตัวเนื้อเค้กจากเค้กชิฟฟอนธรรมดาเป็นเค้กชิฟฟอนกล้วยหอมแค่นั้นเอง ที่จัดการเปลี่ยนไม่ใช่เพราะต้องการให้แตกต่าง แต่เปลี่ยนเพราะวัตถุดิบมันบังคับค่า ดันมีกล้วยเหี่ยวอยู่ตั้งเกือบสองหวี ใครหน้าไหนจะกินมันหมด จำเป็นต้องเอาใส่ทั้งในตัวเค้ก และก็ม้วนแทรกไว้ในโรลด้วย พริบตาหายไปเกลี้ยงเกือบหมด ที่เหลือก็ปล่อยไว้ตามเวรตามกรรม อย่าว่ากันน้า กล้วยจ๋า
ต้องขอขอบคุณคุณปุ๊กมา ณ ที่นี้ด้วยสำหรับสูตรเก๋ๆ ที่ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยซักครั้งค่า

2011/09/04

Banana chiffon cake with berries and almond


สวัสดีเดือนกันยา เผลอแป๊บๆ ปาเข้าไปเกือบสิ้นปีซะแล้ว วันๆ ผ่านไปเร็วเหมือนติดปีกเอามากๆ โดยเฉพาะช่วงที่ง่วนๆ ทำขนม ไม่น่าเชื่อว่าตัดสายสะดือคลอดบล็อคออกมาได้ตั้ง 4 เดือน มีบทความในคลังแสงถึง 50 บทความ บ่งบอกถึงความบ้าพลังสุดๆ แต่อย่าได้แคร์ ยังคงทำต่อไปเรื่อยๆ ด้วยความถี่วันเว้นสองวัน

2011/08/29

Honey lime curd swiss meringue macarons

อีกแล้วค่าอีกแล้วมาคาฮองอีกแล้ว ว่าจะเลิกทำแล้วเชียวกะเจ้าขนมแฟชั่นนิสต้าเนี่ย ทำทีไรเจ๊งครึ่งดีครึ่ง ทำให้เสียน้ำตาทู้กที แต่มันก็อดใจไม่ไหวอีกแล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับเจ้ามาคาฮองแบบสวิส ปกติที่เคยคุ้นหูก็มีแต่มาคาฮองแบบฝรั่งเศส และมาคาฮองแบบอิตาเลี่ยน

2011/08/28

The biggest birthday party ever with a british born trifle cheesecake


ปลายอาทิตย์นี้ไปจนถึงปลายอาทิตย์หน้ามีวันเกิดของสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดถึง 5 คน ตั้งแต่คุณบิดาผู้ให้กำเนิด (แต่เจ้าตัวติดภารกิจที่บ้านเกิดไม่ทันมาฉลองด้วย) คุณแม่คุณสามี พี่ชายคุณสามี พี่สาวคุณสามี และน้องนุชสุดท้องของคุณสามี ไอ้การที่จะเซเลเบรททุกวันเกิดเกรงว่าอาจจะล้มหมอนนอนเสื่อเอาได้ เลยรวบรัดตัดความเอาไว้ในวันอาทิตย์นี้แค่วันเดียว ทีเดียว ใครพลาดก็ตัดออก
ด้วยความที่กลุ่มผู้บริโภคยังคงเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เริ่มจะเบื่อของเดิมๆ เพราะฉะนั้นวิเสทก้นครัวเยี่ยงเราๆ ท่านๆ จำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการนำเสนอเมนูของหวานตามไปด้วยเพื่อป้องกันคำครหาว่าทำอย่างอื่นไม่เป็น

2011/08/26

Basic Chantilly cream


สำหรับวิปครีมเลิฟเวอร์ทั้งหลาย วิปครีมที่จืดๆ มันเลี่ยนคงกินได้ไม่เยอะหากมันไม่ได้เสริฟมาบนไอศครีม ดังนั้นเราจึงเพิ่มดีกรีความกินคล่องลงไปด้วยการเติมความหวานและความหอมแอบตัดเลี่ยนด้วยรสเค็มนิดๆ จะเอาไปโปะหน้าเค้ก หยอดบนกาแฟหรือช็อคโกแลตทั้งร้อนและเย็น เสริฟกับวาฟเฟิล หรือเคียงกับขนมปังปิ้งก็ยังได้ วิปครีมที่ผ่านการเสริมสวยแล้วฝาหรั่งมังค่าเค้าเรียกกันว่า " ครีมชานทิลลี่ " กรรมวิธีแต่งเสริมเติมรสชาดก็ง่ายมากถึงมากที่สุด แถมทำเสร็จแล้วใช้ไม่หมดตักใส่ถุงบีบเก็บไว้ในตู้เย็นได้เกือบอาทิตย์ สะดวกอยากบีบครีมชิมนมตอนไหนก็แค่หยิบออกมาจากตู้แล้วออกแรงอันน้อยนิดก็แจ่มแล้วค่า


ครีมชานทิลลี่
วิปปิ้งครีม       2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย    8 ช้อนโต๊ะ
เกลือ            1/8 ช้อนชา
วานิลลา          1 ช้อนชา
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในโถผสม เปิดครื่องตีด้วยความเร็วกลางถึงสูง ตีจนฟูคล้ายครีมโกนหนวด นำไปใช้ได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าวิปปิ้งครีมที่จะนำมาตีต้องเย็นจัด มันถึงจะขึ้นฟูไม่งั้นมันจะเหลวไปซะก่อนค่า



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2011/08/23

Almond palmiers ; Puff pastry, you drive me crazy again and again


เมื่อวานไปรับแสบพี่ที่โรงเรียน คุณชายเค้าถือถุงขนมขึ้นรถมาด้วย กุลีกุจอบอกว่าเพื่อนให้มาอร่อยมาก มือก็สาละวนหยิบขนมเข้าปากเอาเข้าปากเอา คุณแม่คนดีที่หนึ่งได้แต่มองค้อนตาคว่ำ ทีขนมที่เราทำประเคนให้กินนิด กินหน่อยแบบเสียไม่ได้ วิญญาณคนพาลเลยเข้าสิงร่างทันที บอกให้หยุดกินแล้วคลานเข่าเอามาให้คุณแม่ขาดูซิว่ามันเป็นขนมอะไร เหตุไฉนเจ้าถึงเอนจอยเยี่ยงนั้น หยิบมาดูก็ถึงบางอ้อในทันที มันก็ขนมพายผีเสื้อดีๆ นี่เอง เลยลั่นวาจาแกมบังคับไปว่า "คืนนี้หม่ะม้าจะทำให้เอาไปที่โรงเรียนแบ่งเพื่อนวันพรุ่งนี้ ต้องกินนะ" พ่อเจ้าประคุณก็หัวอ่อนมากสวนกลับมาทันใดว่า "น้องพลูไม่แน่ใจ ต้องลองชิมก่อนนะว่าอร่อยมั้ย ถ้าอร่อยถึงจะเอาไปไม่งั้นอายเพื่อน" แหม๊!!!!! ได้ยินแล้วปวดตับอย่างแรง ใครจะดูถูกยังไงไม่เจ็บใจเท่าลูกในใส้ กลับมาถึงบ้านรีบลนลานเข้าไปหยิบจับอุปกรณ์เตรียมไว้ จัดแจงฝากสองศรีพี่น้องไว้กับคุณพ่อและคุณแม่สามีเสร็จสรรพ ก็บรรเลงดัชนีพิฆาตนวดแป้ง ทุบเนย เข้าตู้เย็นรอแบบไม่ให้เสียเวลาซักเสี้ยววินาที แต่ครั้งนี้ไม่อาจหาญที่จะรีดแป้งแบบที่ใช้เนยห่อแป้งอีก ขอใช้วิธีทั่วไปใช้แป้งห่อเนยแล้วรีดก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเกร็ง ทำไปก็หมายมั่นปั้นมือไปว่าจะลบคำสบประมาทของเด็กให้จงได้
พอรีดแป้งเสร็จสามรอบ พร้อมกับบรรจุอัลมอนด์ป่นลงไปในตัวแป้งด้วยความทุลักทุเล (เพื่อเพิ่มความเว่อร์ มากเรื่อง แต่อร่อยลงไป) แล้วก็ขึ้นรูปเป็นปีกผีเสื้อก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่ง รู้สึกว่ามันดึกเกินไปเลยยังไม่อบ กะว่าจะอบพรุ่งนี้เช้าแล้วเอาให้ลูกไปโรงเรียนเลย ก็เลยใช้พลาสติกแรปพันไว้แล้วจับยัดใส่ตู้เย็นไว้ก่อน พอตอนเช้าหลังจากบรรเลงงานครัวเสร็จ ค่อยสไลด์เป็นชิ้นๆ จุ่มน้ำตาลให้ทั่วแล้วค่อยอบ สะดวกดี ใครสนใจจะทำแบบเดียวกันไม่ว่า มามะมาลงมือกัน


แป้งพัฟพาสตรี้
ส่วนของแป้งโด
แป้งขนมปัง            155 กรัม
แป้งเค้ก                    50 กรัม
เนยจืด                      30 กรัม
น้ำ                            120 มล.
เกลือ                    1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว                  5 ช้อนชา
ส่วนของก้อนเนย
เนยจืดเย็น              255 กรัม
แป้งขนมปัง              65 กรัม
น้ำมะนาว                   1 ช้อนโต๊ะ
เกลือหนึ่งหยิบมือ
วิธีทำ
ผสมน้ำ น้ำมะนาว และเกลือเข้าด้วยกัน คนให้ละลาย
นำแป้งใส่ลงในชามขนาดใหญ่ ใส่เนยลงไป ใช้นิ้วบี้ให้เนยเข้ากันกับแป้ง ทำแป้งให้เป็นหลุมตรงกลาง เทส่วนของน้ำลงไป นวดให้แป้งพอจับตัวกันเป็นก้อน ไม่ต้องให้เนียน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใช้มีดกรีดเป็นรูปกากบาท ห่อด้วยพลาสติกแรป นำเข้าตู้เย็น พักแป้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
ระหว่างนี้ก็ไปทำส่วนของก้อนเนย หั่นเนยเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในชามสเตนเลสพร้อมกับน้ำมะนาว ใช้เครื่องแบบมือถือตีให้เนยพอแตกตัวแต่ไม่ถึงกับฟู เติมแป้งลงไปตีให้เข้ากัน ตักก้อนเนยที่ได้วางไว้บนกระดาษซิลิโคนรองอบ ปาดเนยให้เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 15x15 เซนติเมตร พับกระดาษซิลิโคนรองอบให้ปิดคลุมก้อนเนยก่อนนำเข้าแช่ในตู้เย็นรอการใช้งาน
พอพักแป้งได้ที่แล้วนำออกมารีด วิธีเตรียมแป้งโด เตรียมก้อนเนย และรีดแป้ง ดูได้ ที่นี่



พายผีเสื้ออัลมอนด์
แป้งพัฟพาสตรี้
อัลมอนด์อบป่น       1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย             1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
รีดแป้งพัฟพาสตรี้ที่ได้ออกให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร โรยอัลมอนด์ให้ทั่วทั้งแผ่นแป้ง ใช้ไม้รีดแป้งรีดทับอัลมอนด์บนตัวแป้งให้จมลงในในตัวแป้ง จนตัวแป้งมีความหนาลดลงครึ่งหนึ่ง ตัดแป้งออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน แต่ละแผ่นแป้งให้กะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน เท่าๆ กัน พับทบปลายทั้งสองด้านเข้าหาตรงกลาง และพับทบครึ่งอีกครั้ง นำแท่งแป้งที่ได้พันด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเข้าตู้เย็นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงให้แข็งและอยู่ตัวพอพอที่จะตัดได้ง่าย และเนยไม่ละลายเยิ้มออกมา

นำแท่งแป้งออกมาจากตู้เย็นตัดแบ่งให้เป็นชิ้นหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร คลุกน้ำตาลทรายให้ทั่วแล้ววางเรียงในถาดอบที่ปูด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเอาไว้ นำถาดขนมพักรอในตู้เย็นไว้ก่อนระหว่างที่รอให้เตาอบร้อนทั่วถึง
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง ประมาณ 10 นาที พอเตาอบได้ที่นำถาดขนมเข้าอบประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่ขนาดของขนมว่าเล็กหรือใหญ่ หรือจะสังเกตุที่สีของขนมที่อบก็ได้ หากอบได้ที่แล้วขนมจะออกสีน้ำตาลทอง
นำออกมาพักให้เย็นสนิทก่อนนำใส่กล่องบรรจุที่ปิดสนิท จะทำให้ยังคงกรอบอยู่นาน


 

อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2011/08/21

Chicken farm baker's project #38 : Egg white free, gluten free and also non dairy dessert ; Sweety roses bites


ทั้งๆ ที่ โจทย์นี้ตัวเองเป็นโฮสท์แท้ๆ แต่ก็เพิ่งส่งการบ้าน มันน่าเขกหัวสักโป๊ก เหตุผลง่ายๆ ก็คือว่ามันมึนมันตื้อไปหมด ตั้งโจทย์เองตันเอง แต่พอเหลือบตามองปฏิทินแล้วก็สัญญากับตัวเองเลยว่าต้องลงมือเดี๋ยวนี้ พ่อเจ้าประคุณรุนช่องอินเตอร์เนทที่บ้านก็ไม่เป็นใจให้ไขว่คว้าหาข้อมูลยิ่งนัก มันดาวน์ไปครึ่งวัน ทำเอาฝ่อกันเลยทีเดียว
ตกบ่ายรีบเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ค่อยยังชั่วใช้ได้ซะที ไม่รอช้าสืบหาสูตรของชาวบ้านร้านช่องเพื่อเอามาโมดิฟาย์ดใหม่ให้เป็นของตัวเอง ประกอบกับที่บ้านมีเมล็ดแฟลกซ์ซีด Flax seed อยู่พอดี (ที่มีก็เพราะมันเป็นส่วนผสมหลักในการทำน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพให้คุณพ่อของคุณสามีอ่ะค่า) อ่านสรรพคุณของเจ้าเมล็ดนี้ทางโลกออนไลน์ บอกว่ามันใช้แทนไข่ในการทำเค้กได้ งั้นก็แจ่ม ส่วนประกอบอื่นๆ ก็มีพร้อม ไม่ว่าจะเป็นแป้งที่ปราศจากกลูเตน หรือแม้แต่โกโก้บัตเตอร์ (ทั้งสองอันนี้มีก็เพราะคุณแม่ของหนุ่มน้อยเจ้าของอาการแพ้นี่แหละหยิบยื่นมาให้)

แป้งที่ไม่มีกลูเตน และเมล็ดแฟลกซ์ซีด

สูตรเค้กที่เลือกนำมาทำครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะว่านุ่มมากจริงๆ นะ แม้จะทิ้งไว้ในตู้เย็นแล้วถึงหนึ่งคืน แถมยังง่ายและสะดวกเพราะเป็นการผสมแบบขั้นตอนเดียว เสียอยู่อย่างเดียวมันมีกลิ่นถั่วมากไปนิด คงเพราะว่าแป้งแบบที่ไม่มีกลูเตนมันทำมาจากสารพัดถั่วนั่นเอง  ใครสนใจทำเค้กแบบนี้ตามดูได้เลย ที่นี่  แอบขอบอกไว้ก่อนนิดว่าวันนี้ที่ลงมือทำจริงๆ ไม่ได้ทำตามต้นตำรับเป๊ะ เพราะว่าต้นตำรับเค้าทำแค่เป็นเค้กที่ไม่ใช้ไข่เท่านั้น ดังนั้นเลยต้องเปลี่ยนทั้งจากตัวแป้งธรรมดาเป็นแป้งแบบไม่มีกลูเตน เปลี่ยนจากนมเป็นนมถั่วเหลือง เปลี่ยนจากบัตเตอร์มิลค์เป็นบัตเตอร์มิลค์ที่ทำจากนมถั่วเหลือง แทนที่เนยด้วยโกโก้บัตเตอร์ ตัดผงโกโก้และน้ำส้มสายชูออกเพราะจะทำเค้กวานิลลา และท้ายสุดก็เลือกที่จะทำเพียงครึ่งสูตรเพราะกลัวผลลัพท์ที่ออกมาจะเจ๊งไม่เป็นท่า

พอได้ตัวเค้กมาแล้วก็ถึงตาหาของมาตกแต่ง อันนี้ก็กินไม่ได้ อันนู้นก็ไม่ดี เอานี่ละกัน ฟอนแดนท์อีกแล้วครับท่าน มันอยู่ในข่ายที่บริโภคได้ แถมนอนเปลือยกายรออยู่ในตู้เย็นตั้งแต่วันแม่อีกแล้วตะหาก แค่เอาออกมานวดแล้วก็นาบนิดหน่อยก็ใช้งานคล่องปรื่อ

รักพี่เสียดายน้องเลือกไม่ถูก เพราะคิดว่าสวยทุกรูป
ไม่อยากเสียเวลามาพล่ามละ ทำดูกันเลยดีกว่าว่าทำยังไงบ้าง



ฟอนแดนท์ดอกกุหลาบ
มาร์ชมาลโลว์ฟอนแดนท์        1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สีผสมไอซิ่งสีชมพู
สีผงแบบประกายมุกสีชมพู
วิธีทำ
แบ่งฟอนแดนท์ออกมา1/3ส่วน (อีก 2/3 ส่วน เก็บไว้ใช้ทำฟอนแดนท์เกลซ สำหรับเคลือบเค้ก) ผสมสีผสมไอซิ่งสีชมพูลงไป นวดให้เข้ากัน อย่าลืมทามือและพื้นที่จะใช้ปั้นและคลึงด้วยเนยขาวซะก่อนค่า นวดให้สีเนียนทั่วทั้งก้อน
ปั้นฟอนแดนท์ที่ผสมสีเแล้วเป็นรูปหยดน้ำเสียบเข้ากับไม้ปลายแหลม (ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นนี่แหละเวอร์คสุด) โดยให้ส่วนแหลมของหยดน้ำชี้ขึ้น จากนั้นปั้นฟอนแดนท์เป็นวงกลม ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีลักษณะโค้งมน (ใช้หลอดหยดยาของลูกอีกแล้วค่า) กดให้แบนเป็นกลีบดอก


ค่อยๆ นำกลีบมาประกอบกันกับฟอนแดนท์รูปหยดน้ำที่ติดบนปลายไม้ เพิ่มกลีบซ้อนไปเรื่อยๆ จนพอใจ แล้วจากนั้นใช้พู่กันปัดสีผงแบบประกายมุกสีชมพู บนกลีบดอกให้สวยงาม นำออกมาผึ่งวางไว้
ทำดอกกุหลาบหลายๆ แบบ ทั้งตูมและบาน ประมาณ 8-10 ดอก



แฟลกซ์ซีดเพสท์
เมล็ดแฟลกซ์ซีด       1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด             3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำเมล็ดแฟลกซ์ซีดใส่ลงในโถปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำสะอาดลงไป คนให้เข้ากันทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมขั้นตอนอื่นต่อ 




บัตเตอร์มิลค์นมถั่วเหลือง
นมถั่วเหลือง       1/4 ถ้วยตวง
น้ามะนาว           1 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำมะนาวใส่ลงในนมถั่วเหลือง คนให้เข้ากันทิ้งไว้ ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมขั้นตอนอื่นต่อไปอีก


เค้กไร้ไข่ ไร้กลูเตน และไร้ผลิตภัณฑ์ของนม
 แป้งอเนกประสงค์แบบไม่มีกลูเตน  1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายป่น                  3/4 ถ้วยตวง
แฟลกซ์ซีดเพสท์                 1 สูตร
โกโก้บัตเตอร์                   1/4 ถ้วยตวง
บัตเตอร์มิลค์นมถั่วเหลือง          1 สูตร
นมถั่วเหลือง                     3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า                        1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช                       1/4 ถ้วยตวง
เบกกิ้งโซดา                    1/2 ช้อนชา
เกลือ                          1/2 ช้อนชา
วานิลลา                         1 ช้อนชา
วิธีทำ
เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างรอไว้ จัดการร่อนแป้ง น้าตาลทรายป่น เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกันในชามสเตนเลส ทำหลุมตรงกลางเอาไว้
นำน้ำ โกโก้บัตเตอร์ และน้ำมันพืช ใส่ชามทนความร้อนเข้าไมโครเวฟให้ร้อนจนละลายรวมกันหมดประมาณ 45-50 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากันอีกที ก่อนที่จะเทลงไปตรงกลางของหลุมแป้งที่ทำไว้ ใช้ไม้พายหรือตะกร้อมือคนให้เข้ากัน


เติมนมถั่วเหลือง วานิลลา และบัตเตอร์มิลค์นมถั่วเหลืองลงไป คนให้เข้ากัน ตามด้วยแฟลกซ์ซีดเพสท์ คนให้เนียนไม่มีเม็ดแป้งเหลืออยู่


ส่วนผสมจะเหลวมากแบบชวนให้คิดว่าเจ๊งแน่ ไม่ต้องตกใจ เทลงถาดอบที่รองด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบไว้ นำเข้าอบประมาณ 25-30 นาที นำถาดออกมาจากเพักไว้ให้อุ่น คว่ำเค้กออกจากถาด สไลด์เป็นสามส่วนเท่าๆ กันพักไว้




ฟอนแดนท์เกลซ
ฟอนแดนท์ที่เหลือจากการทำดอกกุหลาบ   2/3 สูตร
น้ำสะอาด                               1 ช้อนโต๊ะ
สีผสมไอซิ่งสีชมพูนิดหน่อย
สีผงแบบประกายมุกสีชมพูนิดหน่อย
วิธีทำ
ใส่ลงทุกอย่างในชาม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที นำออกมาคนให้เนียนเข้ากัน พักไว้




ส่วนตกแต่ง
แยมสตรอเบอร์รี่         1/4 ถ้วยตวง
ฟอนแดนท์เกลซ
ฟอนแดนท์ดอกกุหลาบ
ดาร์คช็อคโกแลต   
เม็ดน้ำตาลเคลือบสีชมพูประกายมุก
วิธีทำ
ทาแยมสตรอเบอร์รี่บนเค้กให้ทั่วทุกชิ้น นำเค้กแต่ละชิ้นซ้อนกันเป็นชั้น จากนั้นตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเท่าๆ กัน วางไว้บนตะแกรงที่มีถาดรองอยู่ด้านล่าง
อุ่นฟอนแดนท์เกลซโดยนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 10 วินาที คนให้เข้ากันอีกครั้งก่อนนำมาราดบนเค้กให้คลุมทั่วเค้ก ทิ้งไว้ให้แห้งและเซตตัวซัก 20-30 นาที ก่อนที่จะนำฟอนแดนท์ดอกกุหลาบมาวางตกแต่ง
จากนั้นนำดาร์คช็อคโกแลตใส่ชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาที นำมาใส่ในถุงบีบ ตัดปลายถุงบีบ นำมาบีบตกแต่งเป็นลวดลายบนหน้าเค้ก สุดท้ายวางน้ำตาลเม็ดลงไปให้สวยงาม


อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

2011/08/19

Happy mother's day cake


สุดท้ายก็ได้ลงบล็อคซะที หลังจากเหน็ดเหนื่อยอย่างต่อเนื่องกับทั้งปาร์ตี้วันแม่ และวันไหว้สารทจีน เล่นเอานอนซมไปถึงสองวันกันเลยทีเดียว
เศร้าใจมากมายสำหรับวันแม่ปีนี้ที่ไม่มีแม่ตัวเองอยู่ใกล้ๆ สาเหตุก็เพราะน้ำเหนือไหลบ่ามาแรงมาก ทำให้คุณเธอและสามีไม่สามารถจะละทิ้งนิวาสถานคุ้มเจ้านางที่ทางเหนือมาร่วมตัดเค้กได้ ก็คงเหลือแต่คุณแม่สามีที่นั่งหน้าบานเป็นเกียรติเป็นศรีตลอดทั้งงานตั้งแต่เช้ายันดึกอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย
สำหรับเค้กวันแม่ปีนี้ก็อยากจะให้เห็นปุ๊บแล้วรู้ปั๊บว่ามันเป็นเค้กวันแม่ ส่วนของตัวเค้กก็ธรรมดาตามที่คนหมู่มากโปรดปรานแต่แอบมากเรื่องนิดนึงตรงที่ฐานมูสอยากได้ทั้งความกรอบและนุ่มก็เลยจัดการให้มีสองชั้นเป็นชั้นของสปันจ์เค้กบนแครกเกอร์ครัสท์ซะเลย
สิ่งที่พึงจะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเค้กวันแม่ก็คงหนีไม่พ้นดอกมะลิ งานนี้ต้องพึ่งเจ้าฟอนแดนท์ในการประดิดประดอยอีกตามระเบียบ  เคยเห็นคนทำขนมช่อม่วงแล้วเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา ถ้าเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาวมันก็ดอกมะลิดีๆ นี่เอง


ปัญหาเดิมๆ ที่เจอเมื่อคิดจะเล่นกับฟอนแดนท์ ก็คือ ไม่มีอุปกรณ์ ในครั้งนี้ก็เช่นกันจำเป็นต้องหาตัวตายตัวแทนที่ใช้งานได้ใกล้เคียง จะใช้อะไรดีในการหนีบเจ้ากลีบอันบอบบางของดอกมะลิ เหอ เหอ เหอ นึกออกละ แหนบบบบบนี่แหละใช่เลย อ๊ะ!!!!! อย่าเพิ่งตกอกตกใจกันไป อันนี้เป็นอันใหม่แกะกล่อง ไม่เคยผ่านการใช้งานจริงค่า ไม่บอกไม่กล่าวก่อนเดี๋ยวจะพาลรังเกียจไม่กล้ากินกัน เอาล่ะครบเครื่องแล้วก็ลงไม้ลงมือกันเลย

ฟอนแดนท์ดอกมะลิ
มาร์ชมาลโลว์ฟอนแดนท์        1/2 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สีผสมไอซิ่งสีเขียวสำหรับผสมทำใบ
สีผสมอาหารแบบผงประกายมุก
สีผสมอาหารแบบผงสีเหลือง
สีผสมอาหารแบบผงสีเขียว
วิธีทำ
แบ่งฟอนแดนท์ออกมา 1/3 ส่วน ผสมสีเขียวลงไป นวดให้เนียนเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นรูปหยดน้ำแล้วกดให้แบน ใช้ปลายมีดตกแต่งเป็นลายของใบ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งประมาณหนึ่งวัน
ส่วนของฟอนแดนท์ที่เหลือจะใช้ปั้นเป็นดอกมะลิ โดยแบ่งฟอนแดนท์ออกมาเป็นก้อนกลมๆ ตามขนาดของดอกมะลิที่ต้องการ ใช้แหนบบีบให้เป็นกลีบรอบๆ วิธีทำกลีบดอกมะลิดูได้ ที่นี่  ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งประมาณหนึ่งวัน


จากนั้นนำฟอนแดนท์ที่ผึ่งเอาไว้ทั้งดอกและใบมาลงสีเพื่อความสมจริง โดยตรงกลางของดอกมะลิใช้แปรงปัดสีผงสีเขียวลงไปบางๆ แล้วปัดทับด้วยสีเหลือง จากนั้นปัดทั่วทั้งดอกด้วยสีผงประกายมุกเพื่อจะได้ดูเงาวาว ในส่วนของใบใช้แปรงปัดแต่สีผงประกายมุก




มิกซ์เบอร์รี่ชีสมูสเค้ก
อัลมอนด์แครกเกอร์ครัสท์    1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สปันจ์เค้กวานิลลา          1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
โฮมเมดมาสคาร์โปนชีส     1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
แยมราสเบอร์รี่             1 ถ้วยตวง
เชอร์รี่สด                  5 ลูก
สตรอเบอร์รี่สด             3 ลูก
บลูเบอร์รี่                15 ลูก
วิปปิ้งครีม                200 มล.
น้ำตาล                  100 กรัม
เจลาติน                   1 ช้อนชา
น้ำสะอาดเย็น              1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำแยมราสเบอร์รี่ และผลไม้สดใส่ลงในโถปั่นปั่นให้ละเอียดเข้ากัน แบ่งออกมา 1/2 ถ้วยตวง สำหรับไว้ทาบนแครกเกอร์ และ สปันจ์เค้ก
นำมาสคาร์โปนชีสออกมาพักไว้ในชามผสมที่อุณหภูมิห้อง


นำอัลมอนด์แครกเกอร์ครัสท์กรุลงในพิมพ์ ใช้หลังช้อนกดให้แน่น ทาด้านบนด้วยแยมที่แบ่งออกมาให้ทั่ว ตัดสปันจ์เค้กให้ได้ขนาดเท่าพิมพ์วางทับลงไปบนฐานแครกเกอร์ แล้วทาทับด้วยแยมอีกรอบ พักไว้


บลูมเจลาตินโดยนำใส่ลงในน้ำสะอาดเย็นจัด รอจนเจลาตินซับน้ำพองตัวขึ้น นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 15-20 วินาที นำออกมาคนให้ละลายเข้ากันดีพักไว้ให้พออุ่น คนผสมลงในส่วนของแยมที่แบ่งเหลือไว้
ใช้ตะกร้อมือหรือไม้พายตีชีสที่อ่อนตัวแล้วให้เข้ากันดี จากนั้นแบ่งส่วนของแยมที่ผสมเจลาตินลงไปแล้วออกมาครึ่งนึง เทผสมลงไปในส่วนของชีส คนให้เข้ากันดีแล้วจึงเทแยมส่วนที่เหลือลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว


จากนั้นนำวิปปิ้งครีมใส่ชามสเตนเลส โดยวางชามสเตนเลสซ้อนบนชามขนาดใหญ่กว่าที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้ เพื่อรักษาอุณหภูมิของวิปปิ้งครีมให้เย็น เวลาตีจะได้ขึ้นฟูได้ง่ายเพราะอากาศบ้านเรามันร้อน ใช้เครื่องตีมือถือตีจนขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน
แบ่งวิปปิ้งครีมครึ่งนึงตะล่อมลงในส่วนของชีสให้พอเข้ากัน จากนั้นเทกลับลงมาผสมกับส่วนของวิปปิ้งครีมที่เหลือ ตะล่อมให้เนียนเข้ากันดี แล้วจึงเทลงไปในพิมพ์ที่กรุด้วยแครกเกอร์ครัสท์ และสปันจ์เค้กเอาไว้ เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าช่องฟรีซประมาณ 3-5 ชั่วโมงให้มูสเซตตัวดี




ส่วนตกแต่ง
ช็อคโกแลตกานาซ        1 สูตร
ฟอนแดนท์ดอกมะลิ
วิธีทำ
นำเค้กออกมาจากพิมพ์วางไว้บนตะแกรงที่มีถาดรองอยู่ด้านล่าง เทกานาซลงไปบนเค้ก ปล่อยให้กานาซส่วนที่เหลือไหลลงบนถาดรอง  ถ้ากานาซยังคุมได้ไม่ทั่วเค้ก ให้นำส่วนที่ไหลลงบนถาดกลับมาใช้ใหม่
หากกานาซหนืดเกินไปให้นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 5-10 วินาที แล้วนำกลับมาราดใหม่



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า