ปฏิเสธไม่ได้ว่าลูกอมหวานๆ กับเด็กๆ เป็นของคู่กัน เข้าร้านสะดวกซื้อเมื่อไหร่เป็นต้องเร้าๆ ให้ซื้อกลับมาให้ได้ จะหวังได้ประโยชน์และคุณค่่าทางสารอาหารจากลูกอมพวกนี้คงเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าในลูกอมเกือบร้อยเปอร์เซนต์เป็นน้ำตาลและที่เหลืออีกนิดหน่อยก็เป็นส่วนของสีผสมอาหารและกลิ่นสังเคราะห์ ซึ่งคงไม่ดีแน่หากยังอนุญาตให้เด็กๆ หอบหิ้วกลับบ้านมาบ่อยๆ
การเป็นแม่ที่ดีคงไม่ใช่แค่เพียงแต่คอยห้ามนู่นงดนี่ท่าเดียว ทำแบบนี้คงซื้อใจลูกไม่ได้แน่ๆ เลยต้องลองเปลี่ยนทัศนคติจากการห้ามมาเป็นยุส่ง หึหึหึ ในที่นี้หมายความว่ากินมันเข้าไปนะลูกนะ กินได้แต่ต้องเป็นลูกอมของแม่เท่านั้นนะ ว่าแต่ลูกอมอะไรดีอ่ะ ปิ๊งป่อง ลูกอมคาราเมลไงล่ะ ง่ายและมีประโยชน์กว่าด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่าให้กินมันเป็นอาชีพนะ เพราะยังไงมันก็ยังมีน้ำตาลเป็นองค์ประกอบหลักอยู่ดี เด็กๆ ที่บริโภคน้ำตาลมากๆ มีโอกาสเป็นโรคสมาธิสั้น และมีพฤติกรรมก้าวร้าวได้นะค้า
วิธีทำก็ไม่ยากเลยเพียงแค่นำทุกอย่างใส่ลงไปในหม้อตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เสียบเทอร์โมมิเตอร์ลงไป เคี่ยวไปเรื่อยๆ โดยช่วงสิบนาทีแรกไม่ต้องคน หลังจากนั้นก็คอยหมั่นคนบ่อยๆ จนอุณหภูมิถึง 250 องศาฟาเรนไฮต์ ก็เทลงบนแผ่นยางซิลิโคน ปล่อยให้เย็น แล้วก็ตัดเป็นชิ้นพอคำ
รู้สึกคุ้มค่ามากที่ตัดสินใจทำ ถึงแม้ว่าเนื้อของมันจะไม่เนียนเห็นเป็นเม็ดๆ โดยยังไม่ทราบสาเหตุ แต่ไม่เป็นไรยังไงค่าตอบแทนก็ยังคงเป็นรอยยิ้มกว้างสุดๆ จากลูก และคำเยินยอยกหางว่าแม่เก่งอย่างนู้นดีอย่างนี้ตลอดทั้งวันอยู่ดี สำหรับคนเป็นแม่แล้วความสุขไหนจะวิเศษมากไปกว่าเห็นลูกของตัวเองมีความสุขแล้วไม่มี ถึงแม้คาราเมลจะไม่เพอร์เฟคแต่ผลตอบรับที่ได้ก็เพียงพอสำหรับแม่คนนี้แล้วค่า (แก้ตัวใหม่ครั้งหน้าแล้วกันเนอะ)
ลูกอมคาราเมล
วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
อิงลิชทอฟฟี่ซีรัป 1/2 ถ้วยตวง
เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือนิดหน่อย
วิธีทำ
นำทุกอย่างใส่ลงไปในหม้อตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เสียบเทอร์โมมิเตอร์ลงไป เคี่ยวไปเรื่อยๆ โดยช่วงสิบนาทีแรกไม่ต้องคน หลังจากนั้นก็คอยหมั่นคนบ่อยๆ จนอุณหภูมิถึง 250 องศาฟาเรนไฮต์ ก็เทลงบนแผ่นยางซิลิโคน ทิ้งให้เย็น แล้วก็ตัดเป็นชิ้นนาดพอคำ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
No comments:
Post a Comment