อีกแล้วค่าอีกแล้วมาคาฮองอีกแล้ว ว่าจะเลิกทำแล้วเชียวกะเจ้าขนมแฟชั่นนิสต้าเนี่ย ทำทีไรเจ๊งครึ่งดีครึ่ง ทำให้เสียน้ำตาทู้กที แต่มันก็อดใจไม่ไหวอีกแล้วดันไปจ๊ะเอ๋กับเจ้ามาคาฮองแบบสวิส ปกติที่เคยคุ้นหูก็มีแต่มาคาฮองแบบฝรั่งเศส และมาคาฮองแบบอิตาเลี่ยน
2011/08/29
2011/08/28
The biggest birthday party ever with a british born trifle cheesecake
ปลายอาทิตย์นี้ไปจนถึงปลายอาทิตย์หน้ามีวันเกิดของสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดถึง 5 คน ตั้งแต่คุณบิดาผู้ให้กำเนิด (แต่เจ้าตัวติดภารกิจที่บ้านเกิดไม่ทันมาฉลองด้วย) คุณแม่คุณสามี พี่ชายคุณสามี พี่สาวคุณสามี และน้องนุชสุดท้องของคุณสามี ไอ้การที่จะเซเลเบรททุกวันเกิดเกรงว่าอาจจะล้มหมอนนอนเสื่อเอาได้ เลยรวบรัดตัดความเอาไว้ในวันอาทิตย์นี้แค่วันเดียว ทีเดียว ใครพลาดก็ตัดออก
ด้วยความที่กลุ่มผู้บริโภคยังคงเป็นคนหน้าเดิมๆ ที่เริ่มจะเบื่อของเดิมๆ เพราะฉะนั้นวิเสทก้นครัวเยี่ยงเราๆ ท่านๆ จำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการนำเสนอเมนูของหวานตามไปด้วยเพื่อป้องกันคำครหาว่าทำอย่างอื่นไม่เป็น
ป้ายกำกับ:
Cake and cakes,
Just say cheese
2011/08/26
Basic Chantilly cream
สำหรับวิปครีมเลิฟเวอร์ทั้งหลาย วิปครีมที่จืดๆ มันเลี่ยนคงกินได้ไม่เยอะหากมันไม่ได้เสริฟมาบนไอศครีม ดังนั้นเราจึงเพิ่มดีกรีความกินคล่องลงไปด้วยการเติมความหวานและความหอมแอบตัดเลี่ยนด้วยรสเค็มนิดๆ จะเอาไปโปะหน้าเค้ก หยอดบนกาแฟหรือช็อคโกแลตทั้งร้อนและเย็น เสริฟกับวาฟเฟิล หรือเคียงกับขนมปังปิ้งก็ยังได้ วิปครีมที่ผ่านการเสริมสวยแล้วฝาหรั่งมังค่าเค้าเรียกกันว่า " ครีมชานทิลลี่ " กรรมวิธีแต่งเสริมเติมรสชาดก็ง่ายมากถึงมากที่สุด แถมทำเสร็จแล้วใช้ไม่หมดตักใส่ถุงบีบเก็บไว้ในตู้เย็นได้เกือบอาทิตย์ สะดวกอยากบีบครีมชิมนมตอนไหนก็แค่หยิบออกมาจากตู้แล้วออกแรงอันน้อยนิดก็แจ่มแล้วค่า
ครีมชานทิลลี่
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในโถผสม เปิดครื่องตีด้วยความเร็วกลางถึงสูง ตีจนฟูคล้ายครีมโกนหนวด นำไปใช้ได้เลย แต่มีข้อแม้ว่าวิปปิ้งครีมที่จะนำมาตีต้องเย็นจัด มันถึงจะขึ้นฟูไม่งั้นมันจะเหลวไปซะก่อนค่า
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Basic and technique
2011/08/23
Almond palmiers ; Puff pastry, you drive me crazy again and again
เมื่อวานไปรับแสบพี่ที่โรงเรียน คุณชายเค้าถือถุงขนมขึ้นรถมาด้วย กุลีกุจอบอกว่าเพื่อนให้มาอร่อยมาก มือก็สาละวนหยิบขนมเข้าปากเอาเข้าปากเอา คุณแม่คนดีที่หนึ่งได้แต่มองค้อนตาคว่ำ ทีขนมที่เราทำประเคนให้กินนิด กินหน่อยแบบเสียไม่ได้ วิญญาณคนพาลเลยเข้าสิงร่างทันที บอกให้หยุดกินแล้วคลานเข่าเอามาให้คุณแม่ขาดูซิว่ามันเป็นขนมอะไร เหตุไฉนเจ้าถึงเอนจอยเยี่ยงนั้น หยิบมาดูก็ถึงบางอ้อในทันที มันก็ขนมพายผีเสื้อดีๆ นี่เอง เลยลั่นวาจาแกมบังคับไปว่า "คืนนี้หม่ะม้าจะทำให้เอาไปที่โรงเรียนแบ่งเพื่อนวันพรุ่งนี้ ต้องกินนะ" พ่อเจ้าประคุณก็หัวอ่อนมากสวนกลับมาทันใดว่า "น้องพลูไม่แน่ใจ ต้องลองชิมก่อนนะว่าอร่อยมั้ย ถ้าอร่อยถึงจะเอาไปไม่งั้นอายเพื่อน" แหม๊!!!!! ได้ยินแล้วปวดตับอย่างแรง ใครจะดูถูกยังไงไม่เจ็บใจเท่าลูกในใส้ กลับมาถึงบ้านรีบลนลานเข้าไปหยิบจับอุปกรณ์เตรียมไว้ จัดแจงฝากสองศรีพี่น้องไว้กับคุณพ่อและคุณแม่สามีเสร็จสรรพ ก็บรรเลงดัชนีพิฆาตนวดแป้ง ทุบเนย เข้าตู้เย็นรอแบบไม่ให้เสียเวลาซักเสี้ยววินาที แต่ครั้งนี้ไม่อาจหาญที่จะรีดแป้งแบบที่ใช้เนยห่อแป้งอีก ขอใช้วิธีทั่วไปใช้แป้งห่อเนยแล้วรีดก็แล้วกันจะได้ไม่ต้องเกร็ง ทำไปก็หมายมั่นปั้นมือไปว่าจะลบคำสบประมาทของเด็กให้จงได้
พอรีดแป้งเสร็จสามรอบ พร้อมกับบรรจุอัลมอนด์ป่นลงไปในตัวแป้งด้วยความทุลักทุเล (เพื่อเพิ่มความเว่อร์ มากเรื่อง แต่อร่อยลงไป) แล้วก็ขึ้นรูปเป็นปีกผีเสื้อก็ปาเข้าไปสี่ทุ่มครึ่ง รู้สึกว่ามันดึกเกินไปเลยยังไม่อบ กะว่าจะอบพรุ่งนี้เช้าแล้วเอาให้ลูกไปโรงเรียนเลย ก็เลยใช้พลาสติกแรปพันไว้แล้วจับยัดใส่ตู้เย็นไว้ก่อน พอตอนเช้าหลังจากบรรเลงงานครัวเสร็จ ค่อยสไลด์เป็นชิ้นๆ จุ่มน้ำตาลให้ทั่วแล้วค่อยอบ สะดวกดี ใครสนใจจะทำแบบเดียวกันไม่ว่า มามะมาลงมือกัน
แป้งพัฟพาสตรี้
ส่วนของแป้งโด
แป้งขนมปัง 155 กรัม
แป้งเค้ก 50 กรัม
เนยจืด 30 กรัม
น้ำ 120 มล.
เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
น้ำมะนาว 5 ช้อนชา
ส่วนของก้อนเนย
เนยจืดเย็น 255 กรัม
แป้งขนมปัง 65 กรัม
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือหนึ่งหยิบมือ
วิธีทำ
ผสมน้ำ น้ำมะนาว และเกลือเข้าด้วยกัน คนให้ละลาย
นำแป้งใส่ลงในชามขนาดใหญ่ ใส่เนยลงไป ใช้นิ้วบี้ให้เนยเข้ากันกับแป้ง ทำแป้งให้เป็นหลุมตรงกลาง เทส่วนของน้ำลงไป นวดให้แป้งพอจับตัวกันเป็นก้อน ไม่ต้องให้เนียน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ใช้มีดกรีดเป็นรูปกากบาท ห่อด้วยพลาสติกแรป นำเข้าตู้เย็น พักแป้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
ระหว่างนี้ก็ไปทำส่วนของก้อนเนย หั่นเนยเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในชามสเตนเลสพร้อมกับน้ำมะนาว ใช้เครื่องแบบมือถือตีให้เนยพอแตกตัวแต่ไม่ถึงกับฟู เติมแป้งลงไปตีให้เข้ากัน ตักก้อนเนยที่ได้วางไว้บนกระดาษซิลิโคนรองอบ ปาดเนยให้เป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 15x15 เซนติเมตร พับกระดาษซิลิโคนรองอบให้ปิดคลุมก้อนเนยก่อนนำเข้าแช่ในตู้เย็นรอการใช้งาน
พอพักแป้งได้ที่แล้วนำออกมารีด วิธีเตรียมแป้งโด เตรียมก้อนเนย และรีดแป้ง ดูได้ ที่นี่
พายผีเสื้ออัลมอนด์
แป้งพัฟพาสตรี้
อัลมอนด์อบป่น 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
วิธีทำ
รีดแป้งพัฟพาสตรี้ที่ได้ออกให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร โรยอัลมอนด์ให้ทั่วทั้งแผ่นแป้ง ใช้ไม้รีดแป้งรีดทับอัลมอนด์บนตัวแป้งให้จมลงในในตัวแป้ง จนตัวแป้งมีความหนาลดลงครึ่งหนึ่ง ตัดแป้งออกเป็นสามส่วนเท่าๆ กัน แต่ละแผ่นแป้งให้กะแบ่งออกเป็น 4 ส่วน เท่าๆ กัน พับทบปลายทั้งสองด้านเข้าหาตรงกลาง และพับทบครึ่งอีกครั้ง นำแท่งแป้งที่ได้พันด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเข้าตู้เย็นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงให้แข็งและอยู่ตัวพอพอที่จะตัดได้ง่าย และเนยไม่ละลายเยิ้มออกมา
นำแท่งแป้งออกมาจากตู้เย็นตัดแบ่งให้เป็นชิ้นหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร คลุกน้ำตาลทรายให้ทั่วแล้ววางเรียงในถาดอบที่ปูด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเอาไว้ นำถาดขนมพักรอในตู้เย็นไว้ก่อนระหว่างที่รอให้เตาอบร้อนทั่วถึง
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง ประมาณ 10 นาที พอเตาอบได้ที่นำถาดขนมเข้าอบประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่ขนาดของขนมว่าเล็กหรือใหญ่ หรือจะสังเกตุที่สีของขนมที่อบก็ได้ หากอบได้ที่แล้วขนมจะออกสีน้ำตาลทอง
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Puff pastry,
Tarts and pies
2011/08/21
Chicken farm baker's project #38 : Egg white free, gluten free and also non dairy dessert ; Sweety roses bites
ทั้งๆ ที่ โจทย์นี้ตัวเองเป็นโฮสท์แท้ๆ แต่ก็เพิ่งส่งการบ้าน มันน่าเขกหัวสักโป๊ก เหตุผลง่ายๆ ก็คือว่ามันมึนมันตื้อไปหมด ตั้งโจทย์เองตันเอง แต่พอเหลือบตามองปฏิทินแล้วก็สัญญากับตัวเองเลยว่าต้องลงมือเดี๋ยวนี้ พ่อเจ้าประคุณรุนช่องอินเตอร์เนทที่บ้านก็ไม่เป็นใจให้ไขว่คว้าหาข้อมูลยิ่งนัก มันดาวน์ไปครึ่งวัน ทำเอาฝ่อกันเลยทีเดียว
ตกบ่ายรีบเปิดคอมพิวเตอร์อีกครั้ง ค่อยยังชั่วใช้ได้ซะที ไม่รอช้าสืบหาสูตรของชาวบ้านร้านช่องเพื่อเอามาโมดิฟาย์ดใหม่ให้เป็นของตัวเอง ประกอบกับที่บ้านมีเมล็ดแฟลกซ์ซีด Flax seed อยู่พอดี (ที่มีก็เพราะมันเป็นส่วนผสมหลักในการทำน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพให้คุณพ่อของคุณสามีอ่ะค่า) อ่านสรรพคุณของเจ้าเมล็ดนี้ทางโลกออนไลน์ บอกว่ามันใช้แทนไข่ในการทำเค้กได้ งั้นก็แจ่ม ส่วนประกอบอื่นๆ ก็มีพร้อม ไม่ว่าจะเป็นแป้งที่ปราศจากกลูเตน หรือแม้แต่โกโก้บัตเตอร์ (ทั้งสองอันนี้มีก็เพราะคุณแม่ของหนุ่มน้อยเจ้าของอาการแพ้นี่แหละหยิบยื่นมาให้)
สูตรเค้กที่เลือกนำมาทำครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะว่านุ่มมากจริงๆ นะ แม้จะทิ้งไว้ในตู้เย็นแล้วถึงหนึ่งคืน แถมยังง่ายและสะดวกเพราะเป็นการผสมแบบขั้นตอนเดียว เสียอยู่อย่างเดียวมันมีกลิ่นถั่วมากไปนิด คงเพราะว่าแป้งแบบที่ไม่มีกลูเตนมันทำมาจากสารพัดถั่วนั่นเอง ใครสนใจทำเค้กแบบนี้ตามดูได้เลย ที่นี่ แอบขอบอกไว้ก่อนนิดว่าวันนี้ที่ลงมือทำจริงๆ ไม่ได้ทำตามต้นตำรับเป๊ะ เพราะว่าต้นตำรับเค้าทำแค่เป็นเค้กที่ไม่ใช้ไข่เท่านั้น ดังนั้นเลยต้องเปลี่ยนทั้งจากตัวแป้งธรรมดาเป็นแป้งแบบไม่มีกลูเตน เปลี่ยนจากนมเป็นนมถั่วเหลือง เปลี่ยนจากบัตเตอร์มิลค์เป็นบัตเตอร์มิลค์ที่ทำจากนมถั่วเหลือง แทนที่เนยด้วยโกโก้บัตเตอร์ ตัดผงโกโก้และน้ำส้มสายชูออกเพราะจะทำเค้กวานิลลา และท้ายสุดก็เลือกที่จะทำเพียงครึ่งสูตรเพราะกลัวผลลัพท์ที่ออกมาจะเจ๊งไม่เป็นท่า
แป้งที่ไม่มีกลูเตน และเมล็ดแฟลกซ์ซีด |
สูตรเค้กที่เลือกนำมาทำครั้งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะว่านุ่มมากจริงๆ นะ แม้จะทิ้งไว้ในตู้เย็นแล้วถึงหนึ่งคืน แถมยังง่ายและสะดวกเพราะเป็นการผสมแบบขั้นตอนเดียว เสียอยู่อย่างเดียวมันมีกลิ่นถั่วมากไปนิด คงเพราะว่าแป้งแบบที่ไม่มีกลูเตนมันทำมาจากสารพัดถั่วนั่นเอง ใครสนใจทำเค้กแบบนี้ตามดูได้เลย ที่นี่ แอบขอบอกไว้ก่อนนิดว่าวันนี้ที่ลงมือทำจริงๆ ไม่ได้ทำตามต้นตำรับเป๊ะ เพราะว่าต้นตำรับเค้าทำแค่เป็นเค้กที่ไม่ใช้ไข่เท่านั้น ดังนั้นเลยต้องเปลี่ยนทั้งจากตัวแป้งธรรมดาเป็นแป้งแบบไม่มีกลูเตน เปลี่ยนจากนมเป็นนมถั่วเหลือง เปลี่ยนจากบัตเตอร์มิลค์เป็นบัตเตอร์มิลค์ที่ทำจากนมถั่วเหลือง แทนที่เนยด้วยโกโก้บัตเตอร์ ตัดผงโกโก้และน้ำส้มสายชูออกเพราะจะทำเค้กวานิลลา และท้ายสุดก็เลือกที่จะทำเพียงครึ่งสูตรเพราะกลัวผลลัพท์ที่ออกมาจะเจ๊งไม่เป็นท่า
พอได้ตัวเค้กมาแล้วก็ถึงตาหาของมาตกแต่ง อันนี้ก็กินไม่ได้ อันนู้นก็ไม่ดี เอานี่ละกัน ฟอนแดนท์อีกแล้วครับท่าน มันอยู่ในข่ายที่บริโภคได้ แถมนอนเปลือยกายรออยู่ในตู้เย็นตั้งแต่วันแม่อีกแล้วตะหาก แค่เอาออกมานวดแล้วก็นาบนิดหน่อยก็ใช้งานคล่องปรื่อ
รักพี่เสียดายน้องเลือกไม่ถูก เพราะคิดว่าสวยทุกรูป |
ฟอนแดนท์ดอกกุหลาบ
มาร์ชมาลโลว์ฟอนแดนท์ 1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สีผสมไอซิ่งสีชมพู
สีผงแบบประกายมุกสีชมพู
วิธีทำ
แบ่งฟอนแดนท์ออกมา1/3ส่วน (อีก 2/3 ส่วน เก็บไว้ใช้ทำฟอนแดนท์เกลซ สำหรับเคลือบเค้ก) ผสมสีผสมไอซิ่งสีชมพูลงไป นวดให้เข้ากัน อย่าลืมทามือและพื้นที่จะใช้ปั้นและคลึงด้วยเนยขาวซะก่อนค่า นวดให้สีเนียนทั่วทั้งก้อน
ปั้นฟอนแดนท์ที่ผสมสีเแล้วเป็นรูปหยดน้ำเสียบเข้ากับไม้ปลายแหลม (ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นนี่แหละเวอร์คสุด) โดยให้ส่วนแหลมของหยดน้ำชี้ขึ้น จากนั้นปั้นฟอนแดนท์เป็นวงกลม ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีลักษณะโค้งมน (ใช้หลอดหยดยาของลูกอีกแล้วค่า) กดให้แบนเป็นกลีบดอก
ค่อยๆ นำกลีบมาประกอบกันกับฟอนแดนท์รูปหยดน้ำที่ติดบนปลายไม้ เพิ่มกลีบซ้อนไปเรื่อยๆ จนพอใจ แล้วจากนั้นใช้พู่กันปัดสีผงแบบประกายมุกสีชมพู บนกลีบดอกให้สวยงาม นำออกมาผึ่งวางไว้
ทำดอกกุหลาบหลายๆ แบบ ทั้งตูมและบาน ประมาณ 8-10 ดอก
สีผสมไอซิ่งสีชมพู
สีผงแบบประกายมุกสีชมพู
วิธีทำ
แบ่งฟอนแดนท์ออกมา1/3ส่วน (อีก 2/3 ส่วน เก็บไว้ใช้ทำฟอนแดนท์เกลซ สำหรับเคลือบเค้ก) ผสมสีผสมไอซิ่งสีชมพูลงไป นวดให้เข้ากัน อย่าลืมทามือและพื้นที่จะใช้ปั้นและคลึงด้วยเนยขาวซะก่อนค่า นวดให้สีเนียนทั่วทั้งก้อน
ปั้นฟอนแดนท์ที่ผสมสีเแล้วเป็นรูปหยดน้ำเสียบเข้ากับไม้ปลายแหลม (ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นนี่แหละเวอร์คสุด) โดยให้ส่วนแหลมของหยดน้ำชี้ขึ้น จากนั้นปั้นฟอนแดนท์เป็นวงกลม ใช้อุปกรณ์อะไรก็ได้ที่มีลักษณะโค้งมน (ใช้หลอดหยดยาของลูกอีกแล้วค่า) กดให้แบนเป็นกลีบดอก
ค่อยๆ นำกลีบมาประกอบกันกับฟอนแดนท์รูปหยดน้ำที่ติดบนปลายไม้ เพิ่มกลีบซ้อนไปเรื่อยๆ จนพอใจ แล้วจากนั้นใช้พู่กันปัดสีผงแบบประกายมุกสีชมพู บนกลีบดอกให้สวยงาม นำออกมาผึ่งวางไว้
ทำดอกกุหลาบหลายๆ แบบ ทั้งตูมและบาน ประมาณ 8-10 ดอก
แฟลกซ์ซีดเพสท์
เมล็ดแฟลกซ์ซีด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสะอาด 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำเมล็ดแฟลกซ์ซีดใส่ลงในโถปั่นให้ละเอียด ใส่น้ำสะอาดลงไป คนให้เข้ากันทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมขั้นตอนอื่นต่อ
นมถั่วเหลือง 1/4 ถ้วยตวง
น้ามะนาว 1 ช้อนชา
วิธีทำ
นำน้ำมะนาวใส่ลงในนมถั่วเหลือง คนให้เข้ากันทิ้งไว้ ระหว่างนี้ก็ไปเตรียมขั้นตอนอื่นต่อไปอีก
เค้กไร้ไข่ ไร้กลูเตน และไร้ผลิตภัณฑ์ของนม
แป้งอเนกประสงค์แบบไม่มีกลูเตน 1 ถ้วยตวง
น้ำตาลทรายป่น 3/4 ถ้วยตวง
แฟลกซ์ซีดเพสท์ 1 สูตร
โกโก้บัตเตอร์ 1/4 ถ้วยตวง
บัตเตอร์มิลค์นมถั่วเหลือง 1 สูตร
นมถั่วเหลือง 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง
เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างรอไว้ จัดการร่อนแป้ง น้าตาลทรายป่น เกลือ และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกันในชามสเตนเลส ทำหลุมตรงกลางเอาไว้
นำน้ำ โกโก้บัตเตอร์ และน้ำมันพืช ใส่ชามทนความร้อนเข้าไมโครเวฟให้ร้อนจนละลายรวมกันหมดประมาณ 45-50 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากันอีกที ก่อนที่จะเทลงไปตรงกลางของหลุมแป้งที่ทำไว้ ใช้ไม้พายหรือตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
นำน้ำ โกโก้บัตเตอร์ และน้ำมันพืช ใส่ชามทนความร้อนเข้าไมโครเวฟให้ร้อนจนละลายรวมกันหมดประมาณ 45-50 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากันอีกที ก่อนที่จะเทลงไปตรงกลางของหลุมแป้งที่ทำไว้ ใช้ไม้พายหรือตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
เติมนมถั่วเหลือง วานิลลา และบัตเตอร์มิลค์นมถั่วเหลืองลงไป คนให้เข้ากัน ตามด้วยแฟลกซ์ซีดเพสท์ คนให้เนียนไม่มีเม็ดแป้งเหลืออยู่
ส่วนผสมจะเหลวมากแบบชวนให้คิดว่าเจ๊งแน่ ไม่ต้องตกใจ เทลงถาดอบที่รองด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบไว้ นำเข้าอบประมาณ 25-30 นาที นำถาดออกมาจากเพักไว้ให้อุ่น คว่ำเค้กออกจากถาด สไลด์เป็นสามส่วนเท่าๆ กันพักไว้
ฟอนแดนท์เกลซ
ฟอนแดนท์ที่เหลือจากการทำดอกกุหลาบ 2/3 สูตร
น้ำสะอาด 1 ช้อนโต๊ะ
สีผสมไอซิ่งสีชมพูนิดหน่อย
สีผงแบบประกายมุกสีชมพูนิดหน่อย
วิธีทำ
ใส่ลงทุกอย่างในชาม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที นำออกมาคนให้เนียนเข้ากัน พักไว้
ส่วนตกแต่ง
แยมสตรอเบอร์รี่ 1/4 ถ้วยตวง
ฟอนแดนท์เกลซ
ฟอนแดนท์ดอกกุหลาบ
ดาร์คช็อคโกแลต
เม็ดน้ำตาลเคลือบสีชมพูประกายมุก
วิธีทำ
ทาแยมสตรอเบอร์รี่บนเค้กให้ทั่วทุกชิ้น นำเค้กแต่ละชิ้นซ้อนกันเป็นชั้น จากนั้นตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดเท่าๆ กัน วางไว้บนตะแกรงที่มีถาดรองอยู่ด้านล่าง
อุ่นฟอนแดนท์เกลซโดยนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 10 วินาที คนให้เข้ากันอีกครั้งก่อนนำมาราดบนเค้กให้คลุมทั่วเค้ก ทิ้งไว้ให้แห้งและเซตตัวซัก 20-30 นาที ก่อนที่จะนำฟอนแดนท์ดอกกุหลาบมาวางตกแต่ง
จากนั้นนำดาร์คช็อคโกแลตใส่ชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 10-15 วินาที นำมาใส่ในถุงบีบ ตัดปลายถุงบีบ นำมาบีบตกแต่งเป็นลวดลายบนหน้าเค้ก สุดท้ายวางน้ำตาลเม็ดลงไปให้สวยงาม
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
2011/08/19
Happy mother's day cake
สุดท้ายก็ได้ลงบล็อคซะที หลังจากเหน็ดเหนื่อยอย่างต่อเนื่องกับทั้งปาร์ตี้วันแม่ และวันไหว้สารทจีน เล่นเอานอนซมไปถึงสองวันกันเลยทีเดียว
เศร้าใจมากมายสำหรับวันแม่ปีนี้ที่ไม่มีแม่ตัวเองอยู่ใกล้ๆ สาเหตุก็เพราะน้ำเหนือไหลบ่ามาแรงมาก ทำให้คุณเธอและสามีไม่สามารถจะละทิ้งนิวาสถานคุ้มเจ้านางที่ทางเหนือมาร่วมตัดเค้กได้ ก็คงเหลือแต่คุณแม่สามีที่นั่งหน้าบานเป็นเกียรติเป็นศรีตลอดทั้งงานตั้งแต่เช้ายันดึกอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย
สำหรับเค้กวันแม่ปีนี้ก็อยากจะให้เห็นปุ๊บแล้วรู้ปั๊บว่ามันเป็นเค้กวันแม่ ส่วนของตัวเค้กก็ธรรมดาตามที่คนหมู่มากโปรดปรานแต่แอบมากเรื่องนิดนึงตรงที่ฐานมูสอยากได้ทั้งความกรอบและนุ่มก็เลยจัดการให้มีสองชั้นเป็นชั้นของสปันจ์เค้กบนแครกเกอร์ครัสท์ซะเลย
สิ่งที่พึงจะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเค้กวันแม่ก็คงหนีไม่พ้นดอกมะลิ งานนี้ต้องพึ่งเจ้าฟอนแดนท์ในการประดิดประดอยอีกตามระเบียบ เคยเห็นคนทำขนมช่อม่วงแล้วเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา ถ้าเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาวมันก็ดอกมะลิดีๆ นี่เอง
สิ่งที่พึงจะบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นเค้กวันแม่ก็คงหนีไม่พ้นดอกมะลิ งานนี้ต้องพึ่งเจ้าฟอนแดนท์ในการประดิดประดอยอีกตามระเบียบ เคยเห็นคนทำขนมช่อม่วงแล้วเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา ถ้าเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีขาวมันก็ดอกมะลิดีๆ นี่เอง
ปัญหาเดิมๆ ที่เจอเมื่อคิดจะเล่นกับฟอนแดนท์ ก็คือ ไม่มีอุปกรณ์ ในครั้งนี้ก็เช่นกันจำเป็นต้องหาตัวตายตัวแทนที่ใช้งานได้ใกล้เคียง จะใช้อะไรดีในการหนีบเจ้ากลีบอันบอบบางของดอกมะลิ เหอ เหอ เหอ นึกออกละ แหนบบบบบนี่แหละใช่เลย อ๊ะ!!!!! อย่าเพิ่งตกอกตกใจกันไป อันนี้เป็นอันใหม่แกะกล่อง ไม่เคยผ่านการใช้งานจริงค่า ไม่บอกไม่กล่าวก่อนเดี๋ยวจะพาลรังเกียจไม่กล้ากินกัน เอาล่ะครบเครื่องแล้วก็ลงไม้ลงมือกันเลย
ฟอนแดนท์ดอกมะลิ
มาร์ชมาลโลว์ฟอนแดนท์ 1/2 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สีผสมไอซิ่งสีเขียวสำหรับผสมทำใบ
สีผสมอาหารแบบผงประกายมุก
สีผสมอาหารแบบผงสีเหลือง
สีผสมอาหารแบบผงสีเขียว
วิธีทำ
แบ่งฟอนแดนท์ออกมา 1/3 ส่วน ผสมสีเขียวลงไป นวดให้เนียนเป็นเนื้อเดียว ปั้นเป็นรูปหยดน้ำแล้วกดให้แบน ใช้ปลายมีดตกแต่งเป็นลายของใบ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งประมาณหนึ่งวัน
ส่วนของฟอนแดนท์ที่เหลือจะใช้ปั้นเป็นดอกมะลิ โดยแบ่งฟอนแดนท์ออกมาเป็นก้อนกลมๆ ตามขนาดของดอกมะลิที่ต้องการ ใช้แหนบบีบให้เป็นกลีบรอบๆ วิธีทำกลีบดอกมะลิดูได้ ที่นี่ ผึ่งทิ้งไว้ให้แห้งประมาณหนึ่งวัน
จากนั้นนำฟอนแดนท์ที่ผึ่งเอาไว้ทั้งดอกและใบมาลงสีเพื่อความสมจริง โดยตรงกลางของดอกมะลิใช้แปรงปัดสีผงสีเขียวลงไปบางๆ แล้วปัดทับด้วยสีเหลือง จากนั้นปัดทั่วทั้งดอกด้วยสีผงประกายมุกเพื่อจะได้ดูเงาวาว ในส่วนของใบใช้แปรงปัดแต่สีผงประกายมุก
มิกซ์เบอร์รี่ชีสมูสเค้ก
อัลมอนด์แครกเกอร์ครัสท์ 1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
สปันจ์เค้กวานิลลา 1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
โฮมเมดมาสคาร์โปนชีส 1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่
แยมราสเบอร์รี่ 1 ถ้วยตวง
เชอร์รี่สด 5 ลูก
สตรอเบอร์รี่สด 3 ลูก
บลูเบอร์รี่ 15 ลูก
วิปปิ้งครีม 200 มล.
น้ำตาล 100 กรัม
เจลาติน 1 ช้อนชา
น้ำสะอาดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำแยมราสเบอร์รี่ และผลไม้สดใส่ลงในโถปั่นปั่นให้ละเอียดเข้ากัน แบ่งออกมา 1/2 ถ้วยตวง สำหรับไว้ทาบนแครกเกอร์ และ สปันจ์เค้ก
นำมาสคาร์โปนชีสออกมาพักไว้ในชามผสมที่อุณหภูมิห้อง
นำอัลมอนด์แครกเกอร์ครัสท์กรุลงในพิมพ์ ใช้หลังช้อนกดให้แน่น ทาด้านบนด้วยแยมที่แบ่งออกมาให้ทั่ว ตัดสปันจ์เค้กให้ได้ขนาดเท่าพิมพ์วางทับลงไปบนฐานแครกเกอร์ แล้วทาทับด้วยแยมอีกรอบ พักไว้
บลูมเจลาตินโดยนำใส่ลงในน้ำสะอาดเย็นจัด รอจนเจลาตินซับน้ำพองตัวขึ้น นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 15-20 วินาที นำออกมาคนให้ละลายเข้ากันดีพักไว้ให้พออุ่น คนผสมลงในส่วนของแยมที่แบ่งเหลือไว้
ใช้ตะกร้อมือหรือไม้พายตีชีสที่อ่อนตัวแล้วให้เข้ากันดี จากนั้นแบ่งส่วนของแยมที่ผสมเจลาตินลงไปแล้วออกมาครึ่งนึง เทผสมลงไปในส่วนของชีส คนให้เข้ากันดีแล้วจึงเทแยมส่วนที่เหลือลงไป คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
จากนั้นนำวิปปิ้งครีมใส่ชามสเตนเลส โดยวางชามสเตนเลสซ้อนบนชามขนาดใหญ่กว่าที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้ เพื่อรักษาอุณหภูมิของวิปปิ้งครีมให้เย็น เวลาตีจะได้ขึ้นฟูได้ง่ายเพราะอากาศบ้านเรามันร้อน ใช้เครื่องตีมือถือตีจนขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน
แบ่งวิปปิ้งครีมครึ่งนึงตะล่อมลงในส่วนของชีสให้พอเข้ากัน จากนั้นเทกลับลงมาผสมกับส่วนของวิปปิ้งครีมที่เหลือ ตะล่อมให้เนียนเข้ากันดี แล้วจึงเทลงไปในพิมพ์ที่กรุด้วยแครกเกอร์ครัสท์ และสปันจ์เค้กเอาไว้ เกลี่ยหน้าให้เรียบ นำเข้าช่องฟรีซประมาณ 3-5 ชั่วโมงให้มูสเซตตัวดี
ส่วนตกแต่ง
ช็อคโกแลตกานาซ 1 สูตร
ฟอนแดนท์ดอกมะลิ
วิธีทำ
นำเค้กออกมาจากพิมพ์วางไว้บนตะแกรงที่มีถาดรองอยู่ด้านล่าง เทกานาซลงไปบนเค้ก ปล่อยให้กานาซส่วนที่เหลือไหลลงบนถาดรอง ถ้ากานาซยังคุมได้ไม่ทั่วเค้ก ให้นำส่วนที่ไหลลงบนถาดกลับมาใช้ใหม่
หากกานาซหนืดเกินไปให้นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 5-10 วินาที แล้วนำกลับมาราดใหม่
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
Basic chocolate ganache
ช็อคโกแลตกานาซ
ดาร์คช็อคโกแลต 200 กรัม
วิปปิ้งครีม 200 มล.
เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
ดาร์คช็อคโกแลต 200 กรัม
วิปปิ้งครีม 200 มล.
เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำวิปปิ้งครีม และดาร์คช็อคโกแลตใส่ลงในชาม นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 40 วินาที นำออกมาคนให้ละลายเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ใส่เนยลงไปคนให้เนยละลายเข้ากันดี พักไว้ให้พออุ่นๆ นำไปราดบนเค้ก หรือตกแต่งตามชอบ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Basic and technique,
Chocolate lovers
2011/08/18
Basic almond cracker crust
สำหรับใครที่ไม่ชอบทานเค้กที่มีแต่ความนุ่มเนียนเพียงอย่างเดียว ทางออกที่ดีที่สุดคงไม่พ้นต้องมีตัวช่วยคือแครกเกอร์ครัสท์ จริงๆแล้วแครกเกอร์ครัสท์เป็นทางเลือกที่สะดวกสบายในยามที่ไม่มีเวลา และยังช่วยเพิ่มลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ รวมทั้งเพิ่มรสสัมผัสที่แตกต่างได้ สามารถนำไปกรุฐานของพาย รองเป็นฐานของชีสเค้ก หรือแม้แต่โรยสลับระหว่างชั้นของเค้กก็ยังได้ วิธีทำก็แสนจะง่ายดาย ไม่ถึง 15 นาทีก็เสร็จ เดี๋ยวจะหาว่าโม้ มาลองทำแล้วจับเวลากันเลย
แครกเกอร์ครัสท์
แครกเกอร์ชนิดเค็ม 100 กรัม
อัลมอนด์สไลด์อบ 50 กรัม
เนยจืด 30 กรัม
วิธีทำ
นำแครกเกอร์และอัลมอนด์ใส่ในโถปั่น ปั่นให้พอหยาบๆ ใส่เนยลงไป ปั่นให้เนยกับแครกเกอร์และอัลมอนด์ พอเข้ากันไม่ต้องถึงกับละเอียดมาก นำมาไปใช้ได้เลย
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Basic and technique,
Say goodbye to oven
Basic mashmallow fondant
ฟอนแดนท์สูตรนี้เป็นสูตรแรกและสูตรเดียวที่ใช้ในขณะนี้ ก็มันทั้งทำง่าย และก็ขึ้นรูปง่าย แต่ไม่ค่อยคงตัวเท่าไหร่นัก แต่พอให้อภัยได้สำหรับมือใหม่อย่างเราๆ ท่านๆ
มาร์ชมาลโลว์ฟอนแดนท์
มาร์ชมาลโลว์ 110 กรัม
น้ำตาลไอซิ่ง 250 กรัม
น้ำสะอาด 2 ช้อนชา
เนยขาว 1/8 ถ้วยตวง (เผื่อทาบนโต๊ะที่จะนวด และมืออีกนิดหน่อย)
วิธีทำ
นำมาร์ชมาลโลว์ และน้ำใส่ชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 30-40 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากัน หากต้องการใส่สีก็สามารถผสมสีลงไปในขั้นตอนนี้ได้เลย
น้ำตาลไอซิ่ง 250 กรัม
น้ำสะอาด 2 ช้อนชา
เนยขาว 1/8 ถ้วยตวง (เผื่อทาบนโต๊ะที่จะนวด และมืออีกนิดหน่อย)
วิธีทำ
นำมาร์ชมาลโลว์ และน้ำใส่ชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 30-40 วินาที นำออกมาคนให้เข้ากัน หากต้องการใส่สีก็สามารถผสมสีลงไปในขั้นตอนนี้ได้เลย
ใช้พายยางกวาดเทมาร์ชมาลโลว์ลงบนโต๊ะที่ทาด้วยเนยขาวเอาไว้ ทามือให้ทั่วด้วยเนยขาว เทไอซิ่ง และเนยขาวลงไป ลงมือนวดจนฟอนแดนท์เนียนไม่ติดโต๊ะและมือ ถ้าฟอนแดนท์ยังเหนียวติดมือใหทะยอยเพิ่มไอซิ่งทีละน้อย นวดต่อจนเนียน แต่ถ้ฟอนแดนท์แห้งเกินไปแบบว่าดึงแล้วขาดง่ายก็ให้เติมน้ำสะอาดลงไปทีละครึ่งช้อนชา แล้วนวดต่อจนเนียน
จากนั้นใช้พลาสติกแรปห่อฟอนแดนท์ที่ได้ให้มิดชิด นำใส่ถุงซิปล็อคอีกชั้น ป้องกันไม่ให้มันแห้ง แล้วทิ้งไว้นอกตู้เย็นข้ามคืน ก่อนนำมาใช้ให้นวดก่อนเพื่อให้คลายตัว จากนั้นก็นำมาขึ้นรูปตามต้องการ หากต้องการฟอนแดนท์หลากหลายสีก็ทำได้โดยการแบ่งฟอนแดนท์ออกมาล้วผสมสีที่ต้องการลงไ นวดให้สีเข้ากันดีกับฟอนแดนท์ ระหว่างรอใช้งานให้ใช้พลาสติกแรปห่อฟอนแดนท์ให้มิดชิดเพื่อไม่ให้มันแห้ง
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Basic and technique,
Fondant and icing
2011/08/15
Basic vanilla sponge cake
สำหรับสปันจ์เค้กวานิลลาสูตรนี้ต้นฉบับเป็นของคุณแก้ม it's gemmi แต่ตัดเอาผงฟูออกเพราะที่บ้านไม่เคยมีติดไว้ (จริงๆ แล้วเคยซื้อมาแต่ใช้ไม่เคยหมดทิ้งก่อนทุกทีเลยไม่อยากซื้อมาเก็บ เสียดายตังค์คุณสามี แต่สูตรคุณแก้มเค้าเริ่ดมากอยู่แล้วไม่มีผงฟูก็นุ่มและฟูได้ค่า) เเละแอบเปลี่ยนขั้นตอนในการทำนิดหน่อยตามความขี้เกียจของเจ้าของบล็อค สำหรับส่วนผสมและวิธีทำ ตามข้างล่างเลยค่า
สปันจ์เค้กวานิลลา
แป้งเค้ก 55 กรัม
แป้งข้าวโพด 5 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง (แยกแดง-ขาว)
น้ำตาลทราย 55 กรัม
เนย 10 กรัม
นม 10 มล.
น้ำมัน 20 มล.
เกลือ 1/4 ช้อนชา
วานิลลา 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง รอไว้
ร่อนแป้งทั้งสองอย่าง ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกัน พักไว้ นำวานิลลาใส่ลงไปในไข่แดง ใช้ส้อมตีให้พอเข้ากัน
นำไข่ขาวลงในชามสเตนเลส ใช้เครื่องตีมือถือตีไข่ขาวด้วยความเร็วกลางให้เป็นฟองละเอียด ทะยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปที่ละนิด ตีต่อไปให้ขึ้นฟูตั้งยอดกลางถึงแข็ง ทะยอยเทส่วนของไข่แดงลงไป ตีให้เข้ากันดี
ค่อยๆ แบ่งใส่แป้งลงไปในส่วนของไข่ ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือแต่อย่าใช้เวลาตะล่อมนานมากเดี๋ยวตัวเค้กจะเหนียว
นำนมและเนยใส่ลงในชามเข้าไมโครเวฟประมาณ 20 วินาที นำออกมาคนให้ละลายเข้ากันดี เทน้ำมันลงไปผสม คนให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมของไข่กับแป้งออกมา 1/3 ส่วน ใส่ลงไปในส่วนผสมของนม เนย และน้ำมัน คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว (ไม่จำเป็นต้องตะล่อม) จากนั้นเทกลับลงไปผสมกับส่วนผสมของไข่กับแป้งที่เหลือในชาม ตะล่อมให้เนียนเป็นเนื้อเดียว
เทลงในถาดขนาด 17.5 x 27.5 ซม. นำเข้าเตาอบประมาณ 8-10 นาที แต่ถ้าหากอบในพิมพ์กลมขนาด 1 ปอนด์ อาจจะต้องใช้เวลานานมากขึ้นโดยอาจจะต้องใช้เวลาถึง 25-30 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าเค้กสุกแล้วหากอบในถาดแบนให้ลงเอานิ้วกดบนผิวหน้าเค้ก หากนุ่มและหยุ่นมือไม่บุ๋มลงไปแสดงว่าสุกแล้ว แต่หากอบในพิมพ์กลมแนะนำให้ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปตรงกลางของพิมพ์ แล้วลองยกขึ้นมาหากไม่มีเศษขนมแฉะๆ ติดขึ้นมาก็แสดงว่าสุกแล้ว
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Basic and technique
2011/08/09
Dragon fruit sorbet, taste better than fresh
วันอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นวันพระ คุณสามีสุดที่รักซื้อแก้วมังกรมาไหว้พระ ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่มีใครค่อยโปรดผลไม้ชนิดนี้นัก รสชาดมันหวานแบบจืดๆ ปะแล่มๆ ยังไงก็ไม่รู้ วันพระผ่านไปตั้งสามวันแล้ว แก้วมังกรอยู่ที่ไหนมันก็ยังคงปักหลักอยู่ที่เดิม ไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนย้ายไปอยู่ในท้องของใครคนใดคนหนึ่ง เมียงๆ มองๆ อยู่ด้วยความเสียดายทั้งเงิน เสียดายทั้งของ มองเทาไหร่มันก็ไม่ยักกะลดจำนวนลง ไม่ได้การซะละมั้ง เอาไปปู้ยี่ปู้ยำทำอะไรกินดี
จะเอาไปทำเค้กทำเป็นสิบก้อนก็คงยังไม่หมด มันเล่นมีเยอะซะขนาดนั้น มีหนทางดับทุกข์ใดบ้างหนอที่จะทำให้ทั้งถาดนี้อันตรธานหายไปในพริบตา เหลือบไปเห็นเครื่องทำไอศครีมที่พี่สะใภ้ของคุณสามีช็อปมาตอนสมัยที่กำลังเห่อ นอนแอ้งแม้งอยู่ในซอกกรุสมบัติ รู้ในทันทีเลยว่าจะถอดรูปพ่อแก้วมังกรไปเป็นอะไร จัดการงัดออกมาปัดฝุ่น ขัดสีฉวีวรรณเครื่องเคราของมันให้พร้อมใช้งาน แล้วรีบลอกคราบแก้วมังกรในบัดดล
หยิบแก้วมังกรชิ้นเล็กๆ ออกมาเทสต์ เป็นดังคาด จืดสนิท ไร้รสชาด อยากจะหัวเราะเยาะคุณสามีมาตะหงิดๆ แหม๊!!!! คุณเธอบอกนักบอกหนาว่าแม่ค้าบอกว่าหวานเจี๊ยบ อพิโถ อพิถัง โดนแม่ค้าหลอกอีกตามเคย บอกให้เชื่อเมียดั๊นเชื่อแม่ค้า งานนี้คงต้องมีการแต่งรสชาดเพิ่มกันหน่อย หย่อนน้ำตาลลงไปนิด ตามด้วยน้ำมะนาวอีกหน่อย แจ่มค่า
ไอศครีมแก้วมังกร
แก้วมังกร 7 ลูก
น้ำตาลทราย 7 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ลูก
วิธีทำ
ลอกเปลือกแก้วมังกรออก แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ใส่ลงในโถปั่น เติมน้ำมะนาวและน้ำตาลลงไปแค่ 5 ช้อนโต๊ะ ก่อน ปั่นให้เข้ากันไม่ต้องละเอียดมาก ชิมรสชาดตามถ้ารสอ่อนไปก็เพิ่มส่วนของน้ำตาลที่เหลือ แต่ถ้าใส่ส่วนของน้ำตาลจนหมดแล้วชิมรสแล้วยังไม่ถูกใจก็สามารถเพิ่มน้ำตาลและน้ำมะนาวได้ตามชอบ
เทใส่ในเครื่องทำไอศครีม ปล่อยให้เครื่องทำงานไปจนเสร็จ ไอศครีมที่ได้จะยังไม่แข็งพอที่จะรับประทานได้เลย ต้องตักไอศครีมที่ได้ใส่ลงในกล่องที่มีฝาปิดสนิท นำเข้าช่องแช่แข็งอีกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง จากนั้นก็จัดการเรียกสมัครพรรคพวกมากำจัดได้เลย
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Freeze zone
2011/08/08
Nutella-roasted coconut soft cookies
ไม่ได้ทำคุ้กกี้มานานจัด พอกลับมาทำอีกทีเลยงกๆ เงิ่นๆ เหมือนผู้สูงอายุ ทั้งที่มันไม่ได้มีอะไรมากมายเลย ถ้าให้เลือกกินระหว่างคุ้กกี้กรอบร่วน กับคุ้กกี้นิ่ม ชอบแบบหลังมากกว่า เพราะชอบความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ กินแล้วรู้สึกว่าไม่ผอมดี ฮ่าๆๆๆๆๆ
ว่าแต่พอได้คอนเซปของคุ้กกี้แล้ว ปัญหาที่ตามมาให้คิดติดๆ เลยก็คือจะใส่อะไรลงไปในคุ้กกี้ดีล่ะที่นี้ ช็อคโกแลตชิพ พวกถ่ัว หรือว่าสาระพัดผลไม้แห้งถึงจะชอบกินแต่ก็เบื่อละ งั้นเอาไรดีเน้อ ได้การละเมื่อวานเพิ่งไปเดินเตร็ดเตร่ที่บิ๊กซีมาได้ของมาตุนอีกเพียบ เอาออกมาจัดเรียงปัดกวาดเช็ดถู ก็เจอเข้ากับเจ้านูเทลล่าช็อคโกแลตเฮเซลนัทสเปรด ที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง ลงตัวแบบไม่ต้องคิดอีกแล้วที่คุ้กกี้นูเทลล่า แต่ยังอยากให้มีอะไรกรอบๆ มันๆ นิดนึงในคุ้กกี้ หันซ้ายทีขวาที นั่นไงเจอแล้วมะพร้าวคั่วที่ได้มาพร้อมกับชุดเมี่ยงคำ ตรงใจเป๊ะเลย ลงมือ
คุ้กกี้นูเทลล่ามะพร้าวคั่ว
แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง
เนยจืดละลาย 1/2 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ไข่แดง 1 ฟอง
น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง
นูเทลล่า 1/2 ถ้วยตวง
มะพร้าวคั่ว 1/4 ถ้วยตวง
เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมแป้งและเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน
นำเนยละละลาย น้ำตาลทรายทั้งสองชนิด และเกลือใส่ลงในชามผสม ใช้ตระกร้อมือตีให้เข้ากัน ใส่ไข่ลงไปทั้งหมด คนให้เข้ากัน
ใส่นูเทลล่าลงไปคนให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งส่วนของแป้งออกเป็นสามส่วน ทะยอยใส่ที่ละส่วน คนให้เข้ากันก่อนใส่ส่วนต่อไป ทำซ้ำจนหมดส่วนของแป้งแล้วจึงโรยมะพร้าวคั่วลงไปคลุกแค่พอให้เข้ากัน จากนั้นใช้พลาสติกแรปปิดให้สนิทแช่ตู้เย็นอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง
นำโดคุ้กกี้ออกจากตู้เย็น เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่างรอไว้ จัดการตักโดคุ้กกี้เป็นก้อนวางลงบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบ โดยเว้นระยะแต่ละก้อนประมาณ 2 นิ้ว เพราะเวลาที่อบคุ้กกี้จะแผ่ออก อบประมาณ 8-10 นาที แค่พอให้ขอบนอกสุกแต่ตรงกลางยังเยิ้มๆ นำออกจากเตาอบพักไว้ให้เย็นสนิทก่อนแซะออกจากถาดอบ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Cookies' club
2011/08/07
Ageless cold dessert; Chocolate mousse
คงไม่มีใครปฏิเสธว่าช็อคโกแลตมูสเป็นขนมหวานที่ไม่เคยล้าสมัย ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานขนาดไหนก็ยังเป็นที่นิยมไม่มีตก แถมทำก็ง่ายมากๆ เสียเวลาแค่ช่วงที่แช่ตู้เย็นแค่นั้นเอง
ตอนนี้แสบพี่ไม่สบายไม่สมารถจะกินไอศครีมได้อย่างที่ต้องการ แต่ก็ยังไม่วายออดอ้อนขอเปลี่ยนจากกินไอศครีมเป็นขนมหวานอะไรก็ได้ที่เย็นน้อยกว่าหน่อยแล้วก็เป็นรสช็อคโกแลต ยากตรงไหน ทุกอย่างไม่เคยเหนือความสามารถของซุปเปอร์คุณแม่ไปได้ บรรจงจีบปากจีบคอบอกลูกไปว่ารอแป๊บนะคร๊าบ เดี๋ยวคุณแม่คนดีที่หนึ่งจัดให้ จบประโยคก็ละทิ้งงานที่ค้างคาเข้าไปคุ้ยหาวัตถุดิบในทันที
มูสช็อคโกแลต
ดาร์คช็อคโกแลต 100 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
น้ำตาลทราย 20 กรัม
วิปปิ้งครีม 100 กรัม
เกลือนิดหน่อย
วิธีทำ
ละลายดาร์คช็อคโกแลตโดยใช้ไมโครเวฟครั้งละ 15 วินาที 2 ครั้ง นำออกมาคนให้ละลาย พักไว้
นำไข่ และเหล้ากลิ่นสตรอเบอร์รี่ใส่ลงชามสเตนเลส ใช้เครื่องตีมือถือตีไข่ให้แตก จากนั้นทะยอยเติมน้ำตาลทรายลงไป ตีให้ขึ้นฟูเป็นครีมสีเหลืองอ่อน
นำช็อคโกแลตที่ละลายใส่ลงไปในไข่ ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็น
ตีวิปปิ้งครีม โดยวางชามใส่วิปปิ้งครีมซ้อนบนชามที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้ เพื่อรักษาอุณหภูมิให้เย็นวิปปิ้งครีมจะได้ขึ้นฟูได้ง่าย ตีจนวิปปิ้งครีมขึ้นฟู
แบ่งส่วนของช็อคโกแลตครึ่งนึงใส่ลงไปในชามวิปปิ้งครีม ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วเทกลับลงไปผสมกับส่วนของช็อคโกแลตที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เทใส่ในแก้วสวยๆ นำเขาแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง
ส่วนตกแต่ง
วิปปิ้งครีม 200 มล.
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ช็อคโกแลตบอล
ผงโกโก้
วิธีทำ
นำวิปปิ้งครีม และน้ำตาลทรายใส่ลงในชามสเตนเลส ใช้ตะกร้อมือตีให้ขึ้นฟู ตักใส่ในถุงบีบที่ติดหัวบีบเอาไว้ บีบตกแต่งบนมูส วางช็อคโกแลตบอล แล้วจัดการโรยด้วยผงโกโก้ จากนั้นก็เตรียมช้อนเพื่อตักส่งเข้าปากจนพอใจ
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
All about mousse,
Chocolate lovers,
Say goodbye to oven
2011/08/05
My first homemade pizza
เรียกว่าลัดคิวขนมชิ้นอื่นมาอัพลงบล็อคกันเลยทีเดียว ก็มันอร่อยและทำง่ายมากซะจนอดที่จะหยิบเอามาฝากทุกคนไม่ได้
ตัวของแป้งโดก็ทำง่ายไม่เสียเวลามาก ส่วนหน้าพิซซ่่าก็เต็มที่ตามใจลูกชอบ มีทั้งสับปะรด เบคอนสตริป ปูอัด ใส้กรอกชีส หอมหัวใหญ่สับ ซอสมะเขือเทศที่ทำเก็บเอาไว้กินเอง และกองสุมชีสลงไปเยอะๆ โอ้พระเจ้า สวรรค์ของเด็กๆ จริงๆ
คิดดูก็แล้วกันยังไม่ทันอบเสร็จก็พากันมาเรียงหน้ากระดานที่หน้าเตาอบ พอบอกว่าเสร็จแล้วแค่นั้นก็กระโดดจนตัวลอย ทำให้คุณแม่คนดีที่หนึ่งลืมถ่ายรูปตอนอบเสร็จออกมาเลย กว่าจะนึกได้อีกทีก็แหว่งไปแล้วครึ่งนึง แปดชิ้นเด็กสองผู้ใหญ่สอง หมดในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรียกว่าคุ้มค่าที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมากๆ หน้าคุณแม่งี้บานเป็นจานดาวเทียมเลยค่าขอบอก พร้อมกับรีเควสว่าเย็นนี้เอาอีก อะไรจะขนาดนั้น
โฆษณาชวนเชื่อกันซะขนาดนี้ มามะอย่ารีรอเตรียมของทำด่วนเลยค่า
คิดดูก็แล้วกันยังไม่ทันอบเสร็จก็พากันมาเรียงหน้ากระดานที่หน้าเตาอบ พอบอกว่าเสร็จแล้วแค่นั้นก็กระโดดจนตัวลอย ทำให้คุณแม่คนดีที่หนึ่งลืมถ่ายรูปตอนอบเสร็จออกมาเลย กว่าจะนึกได้อีกทีก็แหว่งไปแล้วครึ่งนึง แปดชิ้นเด็กสองผู้ใหญ่สอง หมดในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรียกว่าคุ้มค่าที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมากๆ หน้าคุณแม่งี้บานเป็นจานดาวเทียมเลยค่าขอบอก พร้อมกับรีเควสว่าเย็นนี้เอาอีก อะไรจะขนาดนั้น
โฆษณาชวนเชื่อกันซะขนาดนี้ มามะอย่ารีรอเตรียมของทำด่วนเลยค่า
แป้งโดพิซซ่า
แป้งอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วยตวง
นมสดอุ่น 1/2 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
เนยจืดนิ่ม 1 ช้อนโต๊ะ
ยีสต์ 1 ช้อนชา
เกลือ 1 ช้อนชา
ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
เบคอนสตริปหั่นฝอย 5 เส้น
ใส้กรอกคอกเทลชีสหั่นเฉลียง 3 ชิ้น
ปูอัดหั่นเฉลียง 5 ชิ้น
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าเล็ก 1/4 ลูก
สับปะรดหั่นชิ้นเล็กๆ 1/2 ถ้วยตวง
ชีสขูด 200 กรัม (ไม่มีมอสซาเรลล่าในตู้เย็นเลยเปลี่ยนเป็นโคลบี้แทน)
วิธีทำ
ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
เบคอนสตริปหั่นฝอย 5 เส้น
ใส้กรอกคอกเทลชีสหั่นเฉลียง 3 ชิ้น
ปูอัดหั่นเฉลียง 5 ชิ้น
หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าเล็ก 1/4 ลูก
สับปะรดหั่นชิ้นเล็กๆ 1/2 ถ้วยตวง
ชีสขูด 200 กรัม (ไม่มีมอสซาเรลล่าในตู้เย็นเลยเปลี่ยนเป็นโคลบี้แทน)
วิธีทำ
นำนมสด น้ำตาลทราย และยีสต์ ใส่ลงในถ้วย เทแป้งและเกลือลงในชามผสม ใช้มือเคล้าให้เข้ากัน แล้วทำให้เป็นหลุมตรงกลาง จากนั้นเทส่วนของนมลงไปในหลุม นวดให้รวมกันเป็นก้อนแฉะๆ นำออกมาวางบนโต๊ะนวดที่โรยแป้งนวลเอาไว้ ใส่เนยลงในก้อนแป้งนวดให้เนียน วิธีนวดแป้งดูได้ ที่นี่
เมื่อโดเนียนได้ที่ให้นำไปพักให้ขึ้นในที่อุ่น มืด โดยคลุมทับด้านบนภาชนะด้วยผ้าชุบน้ำบิดหมาด พักโดประมาณครึ่งชั่วโมง
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง รอไว้
นำโดที่ได้ออกมาคลึงไล่อากาศออกบนโต๊ะที่โรยแป้งนวลเอาไว้ แล้วใช้ไม้รีดแป้งรีดให้เป็นวงกลมแบน ชอบบางกรอบก็รีดให้บาง ชอบหนานุ่มก็ไม่ต้องลงแรงมาก
ย้ายแผ่นแป้งที่รีดให้หนาบางตามชอบแล้วลงไปในถาดอบที่ปูด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเอาไว้ ทาซอสมะเขือเทศลงไปให้ทั่ว โรยด้วยเครื่่องเคราทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไป ทับด้วยกองชีสขูดฝอยอีกครั้ง
นำเข้าเตาอบประมาณ 15-20 นาที หรือจนสุกแป้งเป็นสีน้ำตาลทอง นำออกมาใช้มีดตัดแบ่งตามจำนวนสมาชิก เสริฟง่ายๆ พร้อมกับซอสพริกและซอสมะเขือเทศ อร่อยและอิ่มได้อีกมื้อค่า
เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง รอไว้
นำโดที่ได้ออกมาคลึงไล่อากาศออกบนโต๊ะที่โรยแป้งนวลเอาไว้ แล้วใช้ไม้รีดแป้งรีดให้เป็นวงกลมแบน ชอบบางกรอบก็รีดให้บาง ชอบหนานุ่มก็ไม่ต้องลงแรงมาก
ย้ายแผ่นแป้งที่รีดให้หนาบางตามชอบแล้วลงไปในถาดอบที่ปูด้วยกระดาษซิลิโคนรองอบเอาไว้ ทาซอสมะเขือเทศลงไปให้ทั่ว โรยด้วยเครื่่องเคราทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงไป ทับด้วยกองชีสขูดฝอยอีกครั้ง
นำเข้าเตาอบประมาณ 15-20 นาที หรือจนสุกแป้งเป็นสีน้ำตาลทอง นำออกมาใช้มีดตัดแบ่งตามจำนวนสมาชิก เสริฟง่ายๆ พร้อมกับซอสพริกและซอสมะเขือเทศ อร่อยและอิ่มได้อีกมื้อค่า
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
ป้ายกำกับ:
Breads
Subscribe to:
Posts (Atom)