Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...

2012/01/30

Chocolate-raspberry cheese mousse cake; A perfect combination that last forever like our friendship


วันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่รู้สึกว่าตัวเองยังคงมีเพื่อนในรอบครึ่งทศวรรษ สาเหตุที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นเยี่ยงนั้นก็เป็นเพราะเพื่อนๆ ที่คบกันตั้งแต่ตอนเรียนมหา'ลัยปีหนึ่ง ได้อุตสาห์ให้เกียรติหอบสังขารกันมาจัดปาร์ตี้วันเกิดย้อนหลังให้สมาชิกคนหนึ่งในก๊วนกันถึงที่นครปฐมเลยทีเดียว แถมบังคับแกมขมขู่ปนขอร้องนิดๆ (มั้ย) ว่า อยากได้เค้กช็อคโกแลต รับปากแบบส่งๆ ไป (แต่ดีใจจนเนื้อเต้นติ๊กๆ)


ตกดึกของคืนก่อนวันนัดเข้าไปค้นหาวัตถุดิบหลักเพื่อจะนำออกมาเนรมิตเค้ก โอ้แม่เจ้า! วัตถุสีน้ำตาลเข้มรสหวานๆ ขมๆ เหลืออยู่แค่จึ๋งเดียว จะทำเป็นเค้กช็อคโกแลตได้ทั้งก้อนคงปาฏิหารย์เกินไป เหลือบไปเมียงดูนาฬิกาถึงกับแทบทรุดกุมขมับ สามทุ่มครึ่งแล้ว กับชุดนอน จะไปหาช็อคโกแลตที่ไหนได้ ฟาดงวงฟาดงาใส่ตัวเองอยู่สักครู่ เริ่มรู้สึกตัวว่าบ้าเลยหยุด เอาไงก็เอากันน่า หาอย่างอื่นมาแก้ขัดไปก่อน จัดการไปเปิดตู้เย็นในครัว รื้อๆ ค้นๆ อยู่จนเหงื่อไหล (เป็นไปได้เนอะคนเรา รื้อตู้เย็นนะไม่ใช่ตู้กับข้าว ไหงเหงื่อไหลเนี่ย) เจอครีมชีสอยู่ครึ่งก้อน ไข่ไก่ 3 ฟอง วิปปิ้งครีม 1 กล่อง กับราสเบอร์รี่สดที่บางลูกถูกปกคลุมด้วยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรฟังไจ เรียกง่ายๆ ว่าน้อง "รา" นำเอาสิ่งที่มีอยู่ออกมาเรียงบนโต๊ะมองอย่างชั่งใจ


เห็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ กองกระหย่อมกระแหย่ม อยู่เบื้องหน้าคราวนี้ทำให้ถึงกับนั่งคอตกหน้าตูมอยู่หน้าเตาเกือบสิบนาที มาคิดได้อีกทีขืนช้ามีหวังไม่ได้นอนแน่ เลยบังคับตัวเองให้ปรับโหมดเป็นเอาจริงเอาจังอีกครั้ง เริ่มจากการคัดเลือกราสเบอร์รี่ที่ยังคงสวยใสไร้ที่ติออกมาก่อน ระหว่างที่เลือกก็ทิ้งครีมชีสให้นิ่มโดยวางทิ้งเอาไว้นอกตู้เย็น (จริงๆ แล้วคือลืมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่ใช้) จากนั้นก็อบสปันจ์เค้กรสวานิลลา ในช่วงเวลาที่รออบก็จัดแจงใช้สมองลองจับคู่ว่าจะทำยังไงกับวัตถุดิบพวกนี้ให้ตรงกับกติกาที่ได้รับดี พอดีกับที่ได้กลิ่นหอมของเค้กที่อบได้ที่แล้วโชยออกมาก็ลงตัวกับเค้กขอไปทีที่รสชาดไม่ใช่ขอไปทีอย่างแน่นอน ฟันธง!





ชีสมูสเค้กราสเบอร์รี่ราดช็อคโกแลต
ส่วนของฐานเค้ก
สปันจ์เค้ก                    1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่

ส่วนของชีสมูส
ครีมชีส                     125 กรัม
วิปปิ้งครีม                 230 มล.
น้ำตาลทราย              35 กรัม
เนยเค็มละลาย             1 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินผง                  1 ช้อนชา
น้ำสะอาดเย็น              1 ช้อนโต๊ะ
เหล้ากลิ่นราสเบอร์รี่    1 ช้อนโต๊ะ
เกลือนิดหน่อย
ราสเบอร์รี่สดประมาณ 20 ลูก (พอดีเรียงรอบพิมพ์)

ส่วนของช็อคโกแลตสำหรับราดเค้ก
ช็อคโกแลตกานาซ      1 สูตร ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่ 
เหล้ากลิ่นราสเบอร์รี่     1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
เริ่มจากเตรียมส่วนของชีสมูสก่อน โดยทิ้งครีมชีสให้นิ่มลงที่อุณหภูมิห้อง นำเจลาตินผงใส่ลงในน้ำสะอาดเย็นทิ้งไว้
จากนั้นทำส่วนของสปันจ์เค้กต่อ ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่ ตัดสปันจ์เค้กเพื่อใช้รองเป็นฐานของชีสมูสตามขนาดของพิมพ์ที่จะใช้ สำหรับครั้งนี้ใช้พิมพ์กลมขนาด 1 ปอนด์ กรุเค้กลงในพิมพ์
เมื่อครีมชีสนิ่มลงแล้ว แบ่งวิปปิ้งครีมออกมา 30 มล. ใส่ลงในชามครีมชีส ตามด้วยเนยเค็มละลาย และเหล้ากลิ่นราสเบอร์รี่ ใช้ตะกร้อมือคนจนส่วนผสมเนียน ละลายเจลาติน เทใส่ลงในชามครีมชีส คนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้
ตีวิปปิ้งครีมส่วนที่เหลือกับน้ำตาลทรายและเกลือจนขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน เทส่วนของครีมชีสลงไป ตะล่อมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว พักไว้


เรียงราสเบอร์รี่ลงไปรอบๆ ข้างพิมพ์ เทส่วนของชีสมูสลงไป ปาดหน้าให้เรียบ นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาข้ามคืน เพื่อให้มูสเซตตัว



นำเค้กออกจากพิมพ์พักไว้ในตู้เย็น จากนั้นทำส่วนของช็อคโกแลตกานาซ ดูสูตรและวิธีทำได้ ที่นี่ เมื่อได้ช็อคโกแลตกานาซแล้วเติมเหล้ากลิ่นราสเบอร์รี่ลงไป คนให้เข้ากันก่อนนำไปราดคลุมเค้ก




ส่วนตกแต่ง
ไวท์ช็อคโกแลต
ราสเบอร์รี่สดสำหรับตกแต่ง
วิธีทำ
ละลายไวท์ช็อคโกแลต ตักใส่ในถุงสำหรับบีบตกแต่ง เรียงราสเบอร์รี่สดให้สวยงาม เขียนหน้าเค้กให้เข้ากับงาน รอเจ้าภาพมาเป่าและตัดแจกค่า



อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า

No comments: