โดนพี่ชายสามีเข็นให้ไปตีแบดอีกแล้วครับพี่น้อง ด้วยความที่ดันปากเปราะไปชวนเค้าให้ออกกำลังกายสลายห่วงยางกัน แรกๆก็คึกคัก ยังไม่ถึงเวลานัดกันดีก็โทรตามจิกงุกงิก พ้นผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ อะไรๆที่เคยฟิตเปรี๊ยะ ก็หย่อนและยานลง (หมายถึงความตั้งใจและพยายามอ่ะนะค้า อย่าลงลึกในรายละเอียดมากเดี๋ยวติดเรต) ก็ในคอร์ทแบด มันทั้งร้อนทั้งอากาศไม่ค่อยจะถ่ายเท ตีไปตีมาเหมือนมีคนมาแย่งอากาศเอาไปหายใจไงงั้น เหนื่อยแสนเหนื่อย กลับมาบ้านก็เมื่อยสุดๆ เกิดอาการอยากบริโภคของหวานเพื่อเพิ่มระดับอินซูลินในกระแสเลือดขึ้นมาตะหงิดๆ (แล้วอย่างงี้จะไปวิ่งฟาดไม้ทำไมก็ไม่รู้ คุณสามีเค้าเปรยแบบจิกๆ ไม่ยักกะสำนึกแฮะของแบบนี้) แต่เพลียจังหาอะไรที่ง่ายๆ ไม่ซับซ้อนทำดีกว่า แทบไม่ต้องคิดเลยมันลอยวนเวียนอยู่ในหัวมาหลายวันละ มันเป็นอะไรที่โปรดมากๆ ก็เจ้าสตรอเบอร์รี่ชอร์ตเค้กนี่ไง (พวกเบอร์รี่ทุกชนิดไม่เคยขาดตู้เย็น เจอที่ไหนซื้อที่นั่น) น้ำท่าไม่ต้องอาบมันเลย (วันนี้ของดหย่อนเกลือลงในทุกขั้นตอน เพราะอาศัยความเค็มจากตัว 55555) กลับมาถึงก็วิ่งโร่ไปที่ตู้เย็นโลด โกยวัตถุดิบที่ต้องใช้ออกมา สปันจ์เค้กวันนี้ไม่ต้องทำ เพราะมีเหลือเก็บจากสองวันก่อน สตรอเบอร์รี่ซอสก็ยิ่งไม่ต้องทำใหญ่ เพราะเคี่ยวเก็บเอาไว้เป็นเหยือกเรียบร้อยแล้ว งานหนักก็ตกอยู่แค่ล้างและหั่นสตรอเบอร์รี่ ทำเจ้าครีม chantilly ที่หมูสุดๆ (เหมือนคนทำ) และเตรียมตัวประกอบร่างแค่นั้น สุดยอดดดดด
สปันจ์เค้ก
แป้งเค้ก 55 กรัม
แป้งข้าวโพด 5 กรัม
น้ำตาล 55 กรัม
ไข่ 2 ฟอง (แยกไข่แดง-ขาว)
เนย 10 กรัม
นม 10 มล.
น้ำมัน 10 มล.
วานิลลา 1/2 ช้อนชา
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
ร่อนแป้งทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน พักไว้ เปิดเตาอบที่ 180 องศาเซลเซียส
นำไข่ขาวใส่ในชามสแตนเลส ใช้เครื่องตีมือถือตีให้เป็นฟองหยาบ ทะยอยใส่น้ำตาลทรายลงไปทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนตั้งยอดกลาง ใส่ไข่แดงทีละฟองตีให้เข้ากัน ทะยอยเติมแป้งลงไป ตะล่อมให้เข้ากันดี
เทน้ำมันใส่ชามอีกใบ นำนมกับเนยเข้าไมโครเวฟนาน 20 วินาที แล้วนำมาเทผสมกับน้ำมัน คนให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งหนึ่งในสามของส่วนผสมของไข่กับแป้งมาตะล่อมกับส่วนผสมของนม เนย และน้ำมันให้เข้ากันดี แล้วจึงเทกลับไปผสมกับส่วนผสมของไข่กับแป้งที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันอย่างเบามือ เทใส่ถาดอบ เกลี่ยให้เรียบ นำเข้าเตาอบนานประมาณ 8-10 นาที นำออกมาพักไว้ให้พออุ่น คว่ำออกจากถาด ตัดเป็นรูปทรงตามต้องการ
* การที่ทำให้ส่วนผสมของนม เนย และน้ำมันอุ่นขึ้น จะช่วยให้ผสมเข้ากับส่วนผสมของไข่กับแป้งได้ดีขึ้น ไม่ต้องไปอยู่ก้นพิมพ์แล้วทำให้เค้กด้านล่างแข็งเป็นไต นอกจากนี้การแบ่งส่วนของแป้งกับไข่มาผสมกับส่วนของนม เนย และน้ำมัน ก็มีส่วนช่วยให้ผสมได้ง่ายเช่นเดียวกัน*
สตรอเบอร์รี่ซอส
สตรอเบอร์รี่ 500 กรัม
น้ำตาลทราย 150 กรัม
น้ำมะนาว 1 ลูก
วิธีทำ
หั่นสตรอเบอร์รี่เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ในหม้อเคลือบใส่น้ำตาลลงไปทั้งหมด นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนสตรอเบอร์รี่เปื่อยยุ่ย ใช้ไฟอ่อนถึงกลาง คอยคนตลอดเวลา จากนั้นเติมน้ำมะนาวลงไป คนให้เข้ากัน ยกลงพักให้อุ่นถึงเย็น
หากใครไม่ชอบเม็ดสตรอเบอร์รี่ก็กรองเม็ดออกก่อนซอสจะได้เนื้อเนียน แต่เรามันพวกขี้เกียจอย่างแรงเลยนำซอสที่ยังไม่ได้กรองเอาเม็ดออกเข้าเครื่องปั่นให้มันละเอียดซะเลย เทใส่ภาชนะปิดแช่ตู้เย็นเอาไว้ แค่นี้ก็ได้สตรอเบอร์รี่ซอสเอาไว้ใช้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้ระยะเวลานานขนาดไหน เพราะว่าไม่ทันข้ามเดือนก็เกลี้ยงแล้ว ก็มันสารพัดประโยชน์ซะขนาดนั้น (เด็กๆที่บ้านเอาไว้ราดไอติม ทาขนมปัง และคุณแม่ขาก็เอาไว้ทำเค้ก)
*สามารถเปลี่ยนผลไม้เป็นตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ได้ทุกชนิดหรือจะผสมทุกเบอร์รี่เลยก็ได้นะค้า*
ครีม Chantilly
วิปปิ้งครีม 300 มล.
น้ำตาลไอซิ่ง 30 กรัม
เกลือ 1/8 ช้อนชา
วานิลลา 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ทุกอย่างใส่รวมกัน ใช้เครื่องตีมือถือตีจนตั้งยอดกลางถึงแข็ง
*วิปปิ้งครีมที่ใช้ต้องเย็นจัดถึงจะตีให้ขึ้นฟูง่าย หากอากาศร้อนมากให้รองก้นภาชนะที่ใส่วิปปิ้งครีมชามใส่น้ำแข็ง เกลือป่น และน้ำเล็กน้อยระหว่างที่ตีวิปปิ้งครีม*
ส่วนตกแต่ง
สตรอเบอร์รี่ซอส
ครีม Chantilly
สตรอเบอร์รี่สดหั่นครึ่งลูก
บลูเบอร์รี่
ช็อคโกแลตขูด
น้ำตาลเม็ดสชมพู
วิธีทำ
บลูเบอร์รี่
ช็อคโกแลตขูด
น้ำตาลเม็ดสชมพู
วิธีทำ
ทาเค้กชั้นแรกด้วยสตรอเบอร์รี่ซอสจนทั่วให้ชุ่ม (อันนี้ความชอบส่วนตัวค่า) ปาดครีม Chantilly ลงไปคลุมบนเค้ก ตามด้วยเรียงสตรอเบอร์รี่หั่นครึ่งลงไปให้เต็มพื้นที่ (อันนี้ก็ความชอบส่วนตัวอีกนั่นแหละค่า) จากนั้นโปะทับด้วยปาดครีม Chantilly อีกรอบ ปิดทับด้านบนด้วยเค้กอีกหนึ่งชิ้นที่ทาสตรอเบอร์รี่ซอสไว้แล้ว โดยหันด้านที่ทาสตรอเบอร์รี่ซอสลงไปบนครีม ปาดหน้าเค้กด้านบนอีกครั้งด้วยครีม Chantilly บางๆ โรยขอบรอบข้างด้วยช็อโกแลตขูด ตกแต่งด้วยสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ โรยน้ำตาลเม็ด เป็นอันเรียบร้อย
อย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะค้า
No comments:
Post a Comment