2011/10/21

Never been eaten before but attempt to challenge, Milano pistachio cookies


วันนี้ฮอตมาก ฮอตจริงฮอตจัง รับสายเพื่อนสนิทพร้อมๆ กันถึงสามคนในรอบเกือบแปดปีหลังจากแต่งงานแล้วย้ายสำมะโนครัวติดตามคุณสามีสุดที่รักยิ่งมาอาศัยชายคาบ้านพ่อแม่คุณสามี ซึ่งหัวข้อสนทนาต่อให้เด็กประถมก็คงเดาออกว่าเป็นเรื่องใด ก็ไม่พ้นเรื่องน้ำท่วมดีกว่าฝนแล้งนี่แหละ ทุกสายสนทนาล้วนเป็นห่วงเป็นใยเนื่องจากข่าวสารที่ทางผู้ใหญ่ของบ้านเมืองพร้อมใจกันป้อนให้เป็นระยะๆ นั้นป่าวประกาศว่า พื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังภัยให้จงดีดันมีที่ตั้งของบ้านอันเป็นที่รักยิ่งของข้าพเจ้าเข้าไปรวมด้วย แต่หลังจากได้สนทนากันอย่างออกรสออกชาดแล้วคิดว่าเพื่อนๆ คงเปลี่ยนใจไม่อยากเป็นห่วง เพราะตัวข้าพเจ้าน้านดันไม่รู้เรื่องอะไรกะเค้าเลย ก่อนวางสายทุกคนเลยร่วมแรงรวมใจช่วยกันประสาทพรอีกยกใหญ่ว่าวันๆ ไม่ต้องคิดอะไรหรอกนะ ใช้เวลาที่มีค่าทั้งหมดทำขนมเข้าไป ขอให้น้ำมารอหน้าบ้านจริงเหอะ แล้วจะรู้สึก เอิ่มมมมคุณเพื่อนๆ ค้าดิฉันไม่ได้หมกมุ่นแต่ทำขนมอย่างเดียวนะค้าดิฉันหมกมุ่นอัพบล็อคด้วยค่า ฮ่าาาาา ตรู๊ดดดดดด คุณเพื่อนชิ่งวางสายไปเสียแล้ว

2011/10/20

Midnight sin chocolate cake; Not only be your eye candy but also be edible


เฮ้อ!!!! กลุ้มกับข่าวสารบ้านเมืองในขณะนี้ซะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเลือกเสพสื่อชนิดไหนๆ ล้วนแล้วแต่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับน้ำท่วมทั้งสิ้น ถึงบ้านทืี่ซุกหัวนอนอยู่นี้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แต่กลับมีความรู้สึกสับสนว่ามันอาจจะเป็นพื้นที่เสี่ยงขึ้นมาในวินาทีใดวินาทีนึงก็ได้จากการนำเสนอข่าวที่มันมากมายไปนิด แต่ก็เข้าใจว่าสื่อทุกค่ายต้องการเกาะติดและทันข่าวที่สุด แต่การนำเสนอรูปแบบนี้โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าหากเป็นคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงจริงๆ คงจะรู้สึกเครียดมากขึ้นกว่าเดิมแทนที่จะมีสติตั้งรับ ตอนนี้สิ่งที่ตัวเองทำได้มากที่สุดนอกจากกำลังทรัพย์ที่พอจะสละได้ ก็คงเป็นการส่งกำลังใจและความปรารถนาดีที่หวังให้ทุกคนที่ประสบภัยก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้โดยบอบช้ำน้อยที่สุดแล้วกันนะคะ

2011/10/15

Chicken Farm Baker's Project # 40 : Play me please!!, Pate a Choux ; French cruller with strawberry milk glaze


พอรับแซ่บโจทย์จากโฮสท์ก็นอนหงายเงิบใช้ขาหลังก่ายหน้าผากครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงว่าการบ้านเดือนนี้จะลงตัวที่ขนมชิ้นไหนดี ก็มันไม่ถนัดเอาซะเลยเพราะยังไม่เคยบรรเลงเพลงยุทธ์ในกระบวนท่าที่ว่าด้วยแป้งชูซักครั้ง แต่คุณแม่ลูกลิงสองมีรึจะยอมยกธงขาว ไม่มีทางหรอก เพราะตั้งแต่รับลิงมาเลี้ยงสองตัว ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะยากเย็นแสนเข็ญไปกว่านี้อีกแล้ว

2011/10/10

B is for "Banana choco caramel mousse cake"


อีกแล้วอ่า กล้วยจริงกล้วยจัง เปล่าชอบน้าแต่กลัวมันเน่าเลยต้องเอาไปเล่นแร่แปรธาตุอีกแล้ว หมดปัญญาสร้างสรรค์แล้ว เอาแบบสามัญที่คนนิยมกินกันดีกว่าง่ายดี พูดไปแหม่บๆ ว่าง่ายสุดท้ายก็ตกม้าตายตอนจบอีกละ ตั้งใจจะใช้กานาซช็อคโกแลต ราดหน้าให้เงาวิ้งงงงง ซะหน่อย แต่ดันขี้เกียจและมัธยัสถ์เลยจัดการเอากานาซช็อคโกแลตในตู้เย็นที่เหลือจากการทำฟองดูให้ลูกเล็กเด็กแดงมาอุ่นในไมโครเวฟ คุยกะไมโครเวฟไม่รู้เรื่อง ให้ความร้อนเกินเวลาไปหน่อย พี่เค้าเลยสลัดน้ำมันออกมา คนยังไงก็ไม่เนียน ก็ยังดันทุรังเอาไปราดบนเค้กอีก สมใจเลยทีนี้ พอมันเย็นตัวลงเลยได้ลายหินอ่อนไว้ดูต่างหน้า สมน้ำหน้าไอ้คนตระหนี่ไม่เข้าเรื่องเลยทีนี้

2011/10/08

Rest in peace for the man of Apple®, Steve Jobs with the legendary recipe of apple; Apple crumble


อดรู้สึกใจหายนิดๆ กับการจากไปของบุคคลสำคัญคนนี้ ที่ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด หรือรู้จักเป็นการส่วนตัว เว้นเสียก็แต่มีผลิตภัณฑ์ของเค้าประมาณ 2-3 ชิ้นอยู่ในความครอบครอง

2011/10/06

Love at first sight and also like at fisrt taste; Tangy pistachio layer cake


เป็นเพราะเจ้าเค้กชิ้นนี้ทำให้หยุดเกาะตู้ขนมมองอยู่นานสองนานพินิจพิเคราะห์จนคุณสามีต้องสะกิดว่าอายเค้า จะกินก็สั่งซิ เกาะตู้จ้องเป็นเด็ก 2 ขวบอยู่ได้ เช๊อะ!! ใครจะอายก็อายไป ชิ!! เราไม่สนซะอย่าง เพราะถึงพนักงานหน้าร้านจะนินทาแต่ข้าฟังไม่ออก ฮิ้ววววว
จากการสังเกตุการณ์แบบสุ่มๆ เพราะไม่ได้รับเข้าปากจริง พอจะประมวลผลได้ว่าต้นฉบับเค้าด้านล่างสุดจะเป็นพัฟพาสตรี้กรอบๆ ตามมาด้วยชั้นของคัสตาร์ดวานิลลาบางๆ ถัดมาเป็นสปันจ์เค้กนิ่มๆ ตามมาด้วยชั้นของเยลลี่สีแดงแปร๊ด แล้วก็คัสตาร์ดอีกที ผนึกด้วยสปันจ์เค้กนิ่มๆ แล้วก็น่าจะเป็นเคริ์ดเลมอน ปิดท้ายด้วยชั้นของพิสทาชิโอครีมสีเขียวสด แต่ด้วยความที่ไม่อยากรีดแป้งพัฟพาสตรี้เพราะว่าไม่สันทัดอย่างแรง ก็เลยต้องงัดกลยุทธ์สลับสับเปลี่ยนเอาด้วยการเปลี่ยนชั้นฐานเป็นสปันจ์เค้กแทน ราดด้วยซอสวานิลลาที่เหลือจากการทำการบ้านฟาร์มไก่ โรยทับด้วยแครกเกอร์ครัมบ์พิสทาชิโอให้มันมีรสสัมผัสกรอบๆ แบบพัฟพาสตรี้ ติดมาด้วยชั้นของเยลลี่ราสเบอร์รี่ ทับด้วยสปันจ์เค้กอีกที แปลงจากเคิร์ดเลมอนเป็นเคิร์ดส้มแมนดารินเพราะเลมอนมันไฮโซเกินไม่มีติดบ้าน ปิดท้ายด้วยครีมพิสทาชิโอสีสดใส ถูๆไถๆ ไปให้หน้าตามันคล้ายๆ ก็เพียงพอแล้ว มามะมามั่วด้วยกันเร็ว

2011/10/04

Chicken farm bakers' project # 39 : Mon Entremets: Everything starts from basic ; Apple crumble latte mousse cake inspired by Starbucks®


โอ้แม่เจ้าโว้ยหายหน้าหายตาไปจากบล็อคเกือบเดือนเพื่อไปปฏิบัติภารกิจพิชิตโลกที่เกาหลีและญี่ปุ่น กลมานอนหงายเหงือกหงายคางอยู่กะเหย้าเฝ้ากะเรือนได้เกือบอาทิตย์ คิดว่าคงเสวยสุขพอแล้วปัดฝุ่นทำการบ้านฟาร์มไก่เดือนที่แล้วของคุณปุ๊ก dailydeliciousthai  ดีกว่า อัพบล็อคขึ้นมาหน้างี้หงายเลยอันเก่ายังไม่ได้ส่ง โฮสท์คนใหม่อย่างคุณก้อย bake-aholic ก็ป้อนโจทย์การบ้านใหม่ซะแล้ว ไม่ได้การละต้องเดินเครื่องด่วนค่า

Basic vanilla sauce


ถือเป็นซอสที่คลาสสิคอีกชนิดหนึ่งที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก ส่วนประกอบที่สำคัญมีอยู่เพียง 4 อย่าง ก็คือ ไข่แดง วิปปิ้งครีม (ที่ยังไม่หมดอายุ) น้ำตาลทรายคุณภาพดี และฝักวานิิลลาชั้นเลิศ อย่างหลังสุดหากใครหาไม่ได้จะใช้วานิลลาสกัด หรือวานิลลาสังเคราะห์ก็ไม่ผิดแต่อย่างใด แต่ความไฮโซอาจลดน้อยลงนิดแค่นั้นเอง


ซอสวานิลลา
ไข่แดง              2 ฟอง
น้ำตาลทราย   1/4 ถ้วยตวง
วิปปิ้งครีม       1/2 ถ้วยตวง
ฝักวานิลลา        1 ฝัก
วิธีทำ
นำหม้อใส่น้ำขึ้นตั้งไฟให้เดือดรุมๆ กรีดฝักวานิลลา ขูดเอาแต่เม็ด (ส่วนของฝักเสียดายให้นำไปใส่ลงโถน้ำตาลจะได้น้ำตาลทำขนมกลิ่นวานิลลา เก๋ซะ) ใส่ลงในชามสเตนเลสพร้อมกับไข่แดง น้ำตาลทราย และ วิปปิ้งครีม   นำชามขึ้นวางบนหม้อที่มีน้ำเดือดรุมๆ ใช้ตะกร้อมือคนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นขึ้น นำชามลงมาจากเตา คนไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมอุ่นลง หากยังไม่ใช้งานทันที ใช้พลาสติกแรปปิดให้หน้าเอาไว้เพื่อไม่ให้หน้าซอสเป็นฝ้าแข็ง

Basic caramel sauce


ซอสคาราเมลเป็นอีกหนึ่งไอเท็มฮิตที่ควรมีติดตู้เย็น เพราะสามารถใช้แก้ขัดลดอาการอยากหวานยามไม่มีขอหวานได้ชะงัดนัก คุณสมบัติเด่นมีหลายประการ ยกตัวอย่างเช่น ทาขนมปัง ราดบนไอศครีม ราดบนวาฟเฟิล จิ้มกับขนมปังกรอบ ราดในนมร้อน โรยบนกาแฟแก้วโปรด และอื่นๆ อีกมากมาย เห็นสรรพคุณเยอะอย่างนี้ เห็นควรด้วยว่าต้องไปเตรียมส่วนผสมและอุปกรณ์ให้พร้อม มาเริ่มทำตามขั้นตอนที่แสนจะธรรมดาไม่ซับซ้อนกันเลยค่า

ซอสคาราเมล
น้ำตาล         200 กรัม
น้ำ                   2  ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม      200 มล.
เกลือ            1/8 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมน้ำตาล น้ำ และเกลือลงในหม้อทรงสูงหน่อย คนให้เข้ากันไม่ต้องถึงกับให้น้ำตาลละลาย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนถึงกลาง เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมดและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนโดยไม่ต้องคน (แล้วแต่ความชอบ ถ้าเข้มนิดรสชาดก็ออกขมหน่อย) ลดไฟให้เหลือแค่ไฟอ่อนมาก จากนั้นก็นำวิปปิ้งครีมเข้าไมโครเวฟประมาณ 1  นาที พอให้ร้อนแบบมีฟองปุดๆ ตามขอบ เทวิปปิ้งครีมที่ร้อนลงไปในส่วนของน้ำตาลไหม้ ควรใส่ถุงมือและยืนอยู่ห่างหม้อเอาไว้เมื่อทำขั้นตอนนี้ เพราะมันจะเดือดฟู่ขึ้นมาสูงมาก นั่นคือสาเหตุว่าทำไมต้องใช้หม้อทรงสูง (เดี๋ยวมันจะล้นนั่นเองค่า) คนให้เข้ากันอีกครั้ง ยกลงจากเตา รอให้เย็น เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิดสนิทเก็บไว้ในตู้เย็นได้เป็นเดือนๆ